เหมือนกับการออก“หมายเรียก” นายวัฒนา เมืองสุข ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ บก.ปอท.
จะเป็นไปตาม”แผนกรกฎ 52″
เพราะ นายวัฒนา เมืองสุข ประกาศเด่นชัดว่าจะไปหน้าศาล
ฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งในวันที่ 1 และวันที่ 25 สิงหาคม
เพื่อให้ “กำลังใจ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แต่เมื่อขยายจาก นายวัฒนา เมืองสุข เป็น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ก็เริ่มน่าสงสัย
ยิ่งเมื่อขยายไปยัง นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ยิ่งแปลก
แสดงว่า “แผนกรกฎ 52” มิได้มีเพียง “ตำรวจ”
หลังการเข้าพบพนักงานสอบสวนไม่ว่าจะ นายวัฒนา เมืองสุข ไม่ว่าจะ นายพิชัย นริพทะพันธุ์
ก็เริ่มมี “ความแจ่มชัด”
เพราะว่ามี พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. แสดงบทบาทร่วมด้วย
นี่คือ ทีมงานกฎหมาย “คสช.”
เป็นทีมงานอันมากด้วยความคึกคักหลังรัฐประหารเมื่อเดือน พฤษภาคม 2557
ไม่ว่า”ขอนแก่นโมเดล” ไม่ว่าจับ”ชู 3 นิ้ว”
เท่ากับ “แผนกรกฎ 52” ไม่เพียงแต่จะมี “ตำรวจ”เป็นกองหน้า หากยังมี “ทหาร” เป็นแนวหลัง
“หมายเรียก”จึงพุ่งไปยัง นายประวิตร โรจนพฤกษ์
กรณีของ นายวัฒนา เมืองสุข เมื่อประสานกับกรณีของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ก็เรียกแขกอยู่แล้ว
เมื่อมี นายประวิตร โรจนพฤกษ์ เข้ามาอีกยิ่งเข้มข้น
ที่สำคัญในขบวนที่เดินทางไป บก.ปอท.พร้อมกับ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ มิได้มีแต่ น.ส.เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ ทนายสิทธิมนุษยชน
หากยังมี นางอังคณา นีละไพจิตร จากกสม.
หากยังมีตัวแทนทูตจากต่างประเทศ หากยังมีตัวแทนจากสหประชาชาติ
ขับเน้นมาตรา 116 ให้โดดเด่น
