แถลงการณ์ ของประธานาธิบดีดูแตร์เต ครบรอบ 1 ปี ของการบริหารประเทศ (State of the Nation Adress-SONA) : โดย สีดา สอนศรี

การแถลงการณ์ต่อรัฐสภาในการบริหารประเทศครบรอบ 1 ปี เป็นประเพณีปฏิบัติกันมาช้านาน ตั้งแต่การได้รับเอกราชจากอเมริกา ปี 1946 เป็นต้นมา ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่ประธานาธิบดีทุกคนต้องปฏิบัติ เพราะเป็นการแสดงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา ปัญหาที่เผชิญ และนโยบายที่จะดำเนินการในอนาคต การเตรียมการทุกครั้งของรัฐสภาคือพิธีการต่างๆ และที่นั่งสำหรับทูตานุทูต ตัวแทนของภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ได้ลงทะเบียนไว้ล่วงหน้า ซึ่งนอกเหนือจากที่นั่งประจำของสมาชิกรัฐสภา ส่วนประชาชนทั่วไปที่มาถือป้ายแสดงความคิดเห็นจะอยู่นอกรัฐสภา สำหรับการแต่งกายตามประเพณีนั้น ประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภา แต่งกายด้วยชุดประจำชาติ บารอง ตากาล็อก (ผู้ชาย) และชุดเตอร์โน (ผู้หญิง) เรื่องการแต่งกาย ดูแตร์เตได้เคยประกาศว่าให้แต่งกายตามสบาย แต่เขาก็ไม่สามารถฝืนประเพณีนิยมตามที่ทางรัฐสภากำหนดไว้ได้ ในปีนี้วันที่ 24 กรกฎาคม 2017 จึงเป็นวันสำคัญของประเทศ

เขาได้แถลงเรื่องที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ คือ การปราบปรามอาชญากรรม การปราบปรามคอร์รัปชั่น การปราบปรามการก่อการร้าย การปฏิรูปภาษี การส่งเสริมผู้ประกอบการ การสร้างงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ปัญหาจราจรคับคั่ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องการปกครองประเทศให้เป็นระบบสหพันธรัฐ การปรับปรุงด้านสาธารณสุข การประกันสังคมสำหรับผู้มีรายได้น้อย การฟื้นฟูเมืองมาราวี การบังคับใช้กฎหมายสำหรับสตรี (Magna Carta for Women) เพื่อปกป้องสตรี ซึ่งมีมานานแล้วในฟิลิปปินส์

ส่วนเรื่องที่ไม่ประสบผลสำเร็จ คือ การเจรจากับกลุ่มฝ่ายซ้าย (New People’s Army) เพราะกลุ่มนี้ได้โจมตีค่ายทหารและตำรวจในการเจรจาครั้งที่ 5 ดูแตร์เตจึงยุติการเจรจาและการปราบปรามยาเสพติด การดำเนินงานของดูแตร์เตค่อนข้างช้าเนื่องจากขาดงบประมาณ และความล่าช้าในการออกกฎหมาย โดยเฉพาะการเซ็นอนุมัติของดูแตร์เต เมื่อเทียบกับประธานาธิบดีคนก่อนๆ ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานคนเดียวของเขาเอง และนี่คือปัญหาของฟิลิปปินส์ในอนาคต

ส่วนเรื่องที่ประสบผลสำเร็จ คือ การปรับปรุงที่ดินทำกินให้ได้ผลผลิตที่ดี พร้อมทั้งได้จัดทำแผนที่สำหรับเขตการปลูกข้าว ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงเกษตร การปรับปรุงความล่าช้าในการทำงาน โดยมีสายด่วน 8888 ในการแจ้งข่าวร้องทุกข์ของผู้ใช้บริการ ซึ่งปรากฏว่ามีผลการประเมิน 95% จาก 87% เมื่อปีที่แล้ว การเพิ่มเรือข้ามฝากจากแม่น้ำปาซิก ซึ่งขณะนี้มีเรือ 11 ลำ สถานีจอดเรือ 12 สถานี การขยายเวลาการเดินรถไฟฟ้าไปจนถึงเวลา 22.30 น. การป้องกันนักข่าวไม่ให้ถูกทำร้าย การช่วยเหลือค่าข้าวสำหรับคนจน 600 เปโซ/เดือน เพื่อให้พวกเขายังชีพอยู่ได้

Advertisement

เมื่อวิเคราะห์ผลงานในรอบ 1 ปีแล้ว ปรากฏว่าอยู่ในระหว่างการดำเนินการเสียส่วนใหญ่ เพราะในระยะ 1 ปีจะดำเนินการเรื่องใหญ่ๆ ได้ยากมาก ส่วนแนวโน้มที่เขาคาดว่าจะประสบผลสำเร็จในอนาคตนั้น คือ

1.การลดภาษีรายได้ผู้มีรายได้น้อยกว่า 250,000 เปโซ/ปี รัฐบาลจะไม่เก็บภาษี และผู้มีรายได้สูงกว่านี้ก็ให้ลดลงตามอัตราส่วน ด้วยวิธีนี้ชาวฟิลิปปินส์จะแบกภาระน้อยลง

2.การศึกษาฟรีในระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยของรัฐ ในส่วนของค่าลงทะเบียน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้รับการศึกษามากขึ้น

Advertisement

3.การเปิดความสัมพันธ์กับต่างประเทศให้กว้างขวางมากขึ้น เขาไม่เพียงแต่เปิดประตูสู่จีนทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย ยุโรปตะวันออก อาหรับ เอเชีย แต่ไม่ละเลยความสัมพันธ์กับอเมริกาที่มีมาอย่างยาวนาน อีกทั้งได้ร่วมมือกับอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยมีอเมริกาเป็นผู้นำเพื่อร่วมกันสอดส่องและลาดตระเวนในทะเลซูลู ในการป้องกันการก่อการร้ายซึ่งจะกระทบกับเศรษฐกิจด้วย

4.การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการค้าการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศ และการคมนาคมการขนส่ง ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 75 โครงการ ซึ่งจะมีผลต่อการสร้างคน สร้างงาน และสร้างเศรษฐกิจของประเทศ

5.ความมีเสรีภาพของการให้ข้อมูลข่าวสาร คือการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ การแจ้งข้อมูลข่าวสารต่อรัฐในเรื่องต่างๆ การร้องเรียนในเรื่องความไม่เป็นธรรม เป็นต้น

6.การอนุมัติ Bangsamoro Law ซึ่งเป็นกฎหมายที่ได้ร่างเสร็จแล้วในรัฐบาลอากีโนที่ 3

เรื่องดังกล่าวทั้ง 6 เรื่องข้างต้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลคาดว่าจะดำเนินการให้สำเร็จในปี 2018-2019

แม้ฟิลิปปินส์จะมีปัญหาการก่อการร้ายและการปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรงก็ตาม แต่กลับมีการลงทุนในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะเขามีความรู้สึกปลอดภัยในรัฐบาลนี้ก็เป็นได้ ธนาคารโลกคาดว่าความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 6.9 ในปี 2017-2018 ทั้งนี้ เป็นเพราะการลงทุนสูง การบริโภคสูง เงินเฟ้อลดลง การส่งเงินดอลลาร์ของชาวฟิลิปปินส์เข้าประเทศ การปรับระบบการเงินการคลัง การส่งเสริมการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และการลดหนี้ต่างชาติ

การดำเนินงานในระยะ 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลนี้เป็นเวลาสั้นมากสำหรับการทำโครงการใหญ่ๆ เนื่องจากประเทศเป็นหมู่เกาะเลยมีอุปสรรคต่อการคมนาคมและการพัฒนา นอกเหนือจากนั้นการอนุมัติกฎหมายก็ค่อนข้างล่าช้า อีกทั้งกฎหมายหลายฉบับที่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภาในรัฐบาลอากีโนที่ 3 มาแล้ว แต่ดูแตร์เตไม่เห็นด้วย ก็ไม่อนุมัติ ซึ่งในรัฐบาลก่อนๆ ประธานาธิบดีจะเซ็นอนุมัติถ้ากฎหมายในรัฐบาลที่แล้วผ่านความเห็นชอบของทั้งสองสภาแล้ว

ถึงอย่างไรก็ตาม สภาได้อนุมัติงบประมาณ 3.767 ล้านล้านเปโซ ในปี 2018 เพื่อให้ดูแตร์เตดำเนินการในโครงการต่างๆ ที่เขาสัญญาไว้ ซึ่งชาวฟิลิปปินส์จะได้ติดตามต่อไปในการแถลงการณ์ครบรอบ 1 ปีในปีหน้าว่าสำเร็จหรือไม่

สีดา สอนศรี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image