“พล.ต.-4จ.อ.”แก๊งอุ้มรีด20ล้านปธ.สายการบินได้ประกัน คุม”พ.ต.ต.-3พลเรือน”ฝากขัง แฉก่อคดีโชกโชนปูดอีก3คดี

เมื่อเวลา 11.30 น วันที่ 11 สิงหาคม ที่สน.โคกคราม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.นิติธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.กองบังคับการสายตรวจ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รอง ผกก.สส. ฝ่ายสืบสวน สน.โคกครามและตำรวจ บก.สปพ. ร่วมกันแถลงจับกุม พล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. นายโอภาส ศรียา นายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ และทหารกรมสารวัตรทหารเรือประจำกองทัพไทย 4 ราย ประกอบด้วย จ.อ.เสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ จ.อ.อภิวัฒน์ ศรีนะพรม จ.อ.เทพพิทักษ์ รัดทะนี และจ.อ.ทรงวุฒิ เที่ยงธรรม หลังจากร่วมกันตั้งแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่นายสุรชัย แซ่ย่าง ประธานบริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด เป็นบริษัทเกี่ยวกับสายการบิน และ นายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ ผู้จัดการบริษัท เป็นเงิน 20 ล้านบาท แต่ญาติขอต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท ภายหลังส่งมอบเงินให้คนร้ายแล้วนายสุรชัยจึงถูกปล่อยตัวมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งชุดลายพรางทหาร 4 คน และแต่งนอกเครื่องแบบอีก 5 คน รวม 9 คน บุกเข้าไปภายในบริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด เพื่อเข้าพบนายสุรชัย จากนั้น พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ อ้างว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบสังกัด 191 และกองปราบปราม ทำทีมาขอตรวจค้นบริษัทเกี่ยวกับคดีความมั่นคงโดยไม่มีหมายศาล จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้แสดงเอกสารทะเบียนราษฎร์และบัตรประชาชนของนายสุรชัย โดยกล่าวหาว่า ทำเอกสารทะเบียนราษฎร์และบัตรประชาชนปลอม และพานายสุรชัยขึ้นรถยนต์ยี่ห้อเล็กซัส ทะเบียน วฉ 1100 กรุงเทพมหานคร เพื่อไปพบผู้บังคับบัญชา ที่กอ.รมน.ดอนเมือง จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้พานายสุรชัยไปพบ พล.ต.จรูญ ที่ โรงเรียนดอนเมืองจาตุรจินดา และมีการพูดคุยกันโดยใช้เวลาไม่นาน มีการสอบถามว่านายสุรชัยมาจากไหน ได้บัตรประชาชนมายังไง พร้อมทั้งข่มขู่ว่าทำผิดกฎหมาย กล่อมให้เคลียร์ให้จบ ก่อนที่ นายโก๊ะ เต็ก ชวน จะสื่อสารเป็นภาษาจีนกับนายสุรชัยว่า เจ้านายต้องการค่าคุ้มครอง 20 ล้านบาท ก่อนที่พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ จะบอกว่าให้จ่ายๆไปจะได้จบ แต่นายสุรชัยพยายามต่อรองจนเหลือ 2 ล้านบาท ก่อนจะสั่งให้นายจีรวัฒน์ ลลิตนาถสิริ พนักงานในบริษัทฯขับรถกลับไปเอาเงินไปให้นายโอภาส ศรียา 1 ในกลุ่มคนร้ายที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.ถนนวิภาวดีรังสิต จำนวน 1 ล้านบาท จึงยอมปล่อยตัวนายสุรชัยออกมา ต่อมาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ผู้เสียหายให้นายจีรวัฒน์ไปโอนเงินให้คนร้ายอีก 1 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารชื่อนายโอภาส ศรียา หลังจากผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความ ได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ ขณะนี้จับกุมได้แล้ว 8 คน เหลือผู้ต้องหาอีก 2 คน คือนายอุทิศ ก่อแก้ว และนายฐิติกร ชื่นอุรา ที่ยังหลบหนี อยู่ระหว่างตามจับกุม

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของตำรวจที่ถูกจับกุมนั้น ขณะนี้ทางต้นสังกัดคือ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.ปอศ. มีคำสั่งให้ พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารนั้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือแจ้งถึงต้นสังกัดรับทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ทราบว่าได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทั้งทางวินัยและทางอาญากับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งตำรวจและทหาร

Advertisement

“จากการตรวจค้นภายในบ้านของกลุ่มคนร้ายไม่พบหลักฐานเพิ่มเติม เบื้องต้น แจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันบุกรุก ก่อนที่พล.ต.จรูญ ใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินและเงินสดจำนวนหนึ่งประกันตัว ส่วนสารวัตรทหารเรือ4นายใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ1แสนบาทประกันตัวออกไป เหลืออีก 3 คน มีหลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน ประกอบด้วย นายโอภาส ศรียา ผู้รับโอนเงิน พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. และนายโก๊ะ เต็กชวน ชาวสิงคโปร์ จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ช่วงบ่ายวันนี้”พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว

ด้านนายทรงศักดิ์ ผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุมีกลุ่มชายฉกรรณ์ เข้าไปขอพบนายสุรชัย โดยไม่มีหมายค้น แต่เนื่องจากตนเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่และเข้าขอตรวจค้นเรื่องความมั่นคงจึงพาเข้าไปพบนายสุรชัย และเมื่อพบตัวกลุ่มชายฉกรรณ์ได้คุมตัวตนเเละนายสุรชัยพร้อมถอดฮาร์ดิสกล้องวงจรปิดทั้งหมดไปด้วย ก่อนจะพาไปขึ้นรถยนต์ และพาไปที่โรงเรียนย่านดอนเมือง เพื่อไปเจรจากับพล.ต.จรูญ โดยบอกสาเหตุการจับตัวทั้งคู่มาว่า ทั้งคู่มีเอกสารทะเบียนราษฎร์และบัตรประชาชนปลอม จึงเจรจาเรียกเงินค่าไถ่20ล้านบาท โดยพล.ต.จรูญ ต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงิน ก่อนปล่อยตัวตนและนายสุรชัยให้เงินสด 1 ล้านบาทเพื่อแลกกับการปล่อยตัว และโอนเงินเข้าบัญชีนายโอภาส ศรียา อีก 1 ล้านบาทในวันที่ 17 กรกฎาคม ทั้งนี้นายทรงศักดิ์ ยืนยันว่าไม่รู้จักกับกลุ่มคนร้ายเป็นการส่วนตัว แต่เคยทำธุรกิจร่วมกันหรือไม่นั้นไม่แน่ใจ ขณะที่ทราบมาว่ามีคนตกเป็นเหยื่อที่สภ.พัทยาสูญเงินกว่า10ล้านบาทด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบประวัติของกลุ่มบุคคลพลเรือนพบว่ายังไม่เคยมีประวัติการก่อเหตุอาชญากรรมหรือประวัติการก่อเหตุดังกล่าวแต่อย่างใด เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง โดยขณะที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาอยู่นั้นมีผู้เสียหายชาวจีน 2 ราย เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา คดีแรกเป็นคดีฉ้อโกงในพื้นที่ สน.วังทองหลาง ที่กลุ่มคนร้ายแอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้สัญชาติไทยกับผู้เสียหายได้สูญเงินกว่า 750,000 บาท เมื่อปี 2559 อีกคดีเป็นคดีที่คนร้ายอ้างว่าจะช่วยเหลือเรื่องคดีความที่สามีชาวจีนถูกจับกุมฐานใช้เอกสารปลอมโดยคิดมูลค่าวิ่งเต้นคดีเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ท้องที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อปี 2558 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายรายอื่นๆสามารถเดินทางมาแจ้งความได้ที่ สน.โคกคราม

Advertisement

ต่อมาเวลา 14.00 น. ร.ต.อ.ชรินทร์ ประคองสุข รองสว.(สอบสวน) สน.โคกคราม คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายประกอบด้วย พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา นายโอภาส ศรียา และนายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ไปฝากขังศาลอาญา โดยพ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ เดินก้มหน้าตลอดทางและใช้เสื้อคลุมสีดำปกปิดใบหน้าตลอดเวลา ขณะที่ผู้ต้องหาอีก2รายใช้ผ้าเช็ดตัวสีฟ้าปกปิดใบหน้า ก่อนคุมตัวไปขึ้นรถกระบะสน.โคกคราม เพื่อเดินทางไปศาลอาญา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image