มีปัจจัย 2 ปัจจัยที่จะทำให้การทอดเวลา”ปลดล็อก”พรรคการเมือง ให้ยาวและยาวจนเกิดเหตุ
อาจกลายเป็น “ปัญหา”
ไม่ใช่ปัจจัยจากพรรคการเมืองและนักการเมือง ไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา
ถึงจะใช้ “วาจา” ทวี “ความร้อนแรง”ก็ตาม
หากแต่มาจากปัจจัย “ภายใน” ของ “แม่น้ำ 5 สาย”ที่ดำรงอยู่นับจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
ปัจจัย 1 คือ รัฐธรรมนูญ
ปัจจัย 1 คือ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
2 ปัจจัยนี้คือ ตัว“กดดัน” อันทรง “พลานุภาพ“
หากมองจากบทบัญญัติของ “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560” คือเครื่องมืออันดำเนินไปตามยุทธวิธี
“ลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ”
รัฐธรรมนูญน่าจะเป็น “เครื่องมือ”แสนวิเศษที่จะบันดาลให้กับ “คสช.”ได้อย่างนุ่มนวล
แต่อย่าลืม”จิตวิญญาณ”แห่ง”รัฐธรรมนูญ”
พลันที่รัฐธรรมนูญประกาศและบังคับใช้เมื่อเดือนเมษายน 2560 คำว่า”กฎหมายสูงสุด”ก็เริ่มแผลง”ฤทธิ์”
ก่อให้เกิด”ความหวัง” และนำไปสู่ “ความต้องการ”
ยิ่งพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองออกมายิ่งเสริมความชอบธรรมให้กับ”พรรคการเมือง” ที่จะตระเตรียมไปสู่ “การเลือกตั้ง”ตามทิศทางที่ “รัฐธรรมนูญ”กำหนด
2 ปัจจัยนี้แหละจะหันกลับมากดดัน“คสช.”
ยิ่งทอดเวลา“ปลดล็อก“พรรคการเมืองให้ยาวนานมากเกินไปแทนที่จะเป็นผลดี กลับจะกลายเป็นผลเสีย
1 เป็นผลเสียต่อการเตรียมความพร้อมของ”พรรคการเมือง”
ขณะเดียวกัน 1 ผลเสียอันจะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองนิ้วจะร่วมกันชี้ไปยัง “คสช.”
ก่อนหน้านี้คสช.อาจอยู่ในฐานะเป็น “โจทก์” แต่กระบวนการไม่ยอม”ปลดล็อก” นั่นแหละจะทำให้คสช.ต้องกลายเป็น “จำเลย”
เป็นจำเลยในเส้นทาง “ประชาธิปไตย“