เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก็จะเริ่มต้นขึ้น เพื่อชิงชัยสู่ความเป็นเจ้าอาเซียนกัน
หนึ่งในชนิดกีฬาสำคัญที่ถือว่าเป็นกีฬาที่มีในโอลิมปิกเกมส์ นั่นก็คือ แบดมินตัน ซึ่งในซีเกมส์ครั้งนี้มีการชิงชัยถึง 7 เหรียญทอง แบ่งออกเป็นประเภททีม คือ ทีมชายและทีมหญิง กับประเภทบุคคล ประกอบด้วย ชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, ชายคู่, หญิงคู่ และคู่ผสม
สำหรับการแข่งขันประเภททีม จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม ส่วนประเภทบุคคลจะแข่งขันระหว่างวันที่ 26-29 สิงหาคม ที่เอเชียต้า อารีน่า ในศูนย์กีฬาบูกิต จาลิล
หากย้อนกลับไปเมื่อซีเกมส์หนก่อนที่ประเทศสิงคโปร์นั้น ไทยสามารถคว้ามาได้ 2 เหรียญทอง ในประเภททีมหญิงและหญิงเดี่ยว จาก “น้องครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์
ทัพนักกีฬาแบดมินตันของไทยครั้งนี้ ประกอบด้วย ทีมชาย โฆษิต เพชรประดับ, สัพพัญญู อวิหิงสานนท์, อดุลรัชต์ นามกูล, กันตภณ หวังเจริญ, บดินทร์ อิสสระ, นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร, เดชาพล พัววรานุเคราะห์, กิตตินุพงษ์ เกตุเรน, ตราวุธ โพธิ์เที่ยง, นันทกานต์ ยอดไพสง
ทีมหญิง พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์, บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์, ณิชชาอร จินดาพล, ภัทรสุดา ไชยวรรณ, ชนัญชิดา จูเจริญ, ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย, พุธิตา สุภจิรกุล, จงกลพรรณ กิติธรากุล, รวินดา ประจงใจ, สาวิตรี อมิตรพ่าย
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ยังคงมั่นใจว่าทัพลูกขนไก่ไทย จะสามารถป้องกันแชมป์ทั้งประเภททีมหญิงและหญิงเดี่ยวเอาไว้ได้อีกหนึ่งสมัย นอกจากนี้ยังมีลุ้นมากกว่านั้นจากประเภทหญิงคู่, คู่ผสม ที่กำลังฟอร์มแรงในช่วงหลัง ส่วนประเภทอื่นๆ อย่างทีมชาย, ชายคู่, ชายเดี่ยว นั้นก็ยังเชื่อว่าจะมีเหรียญรางวัลกลับมาทุกประเภทด้วย
แน่นอนว่าเต็ง 1 ในการคว้าเหรียญทองของไทย ในประเภทบุคคลต้องยกให้แชมป์เก่าอย่างน้องครีม ในประเภทหญิงเดี่ยว ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายพร้อมมากจากการที่ได้เก็บตัวมา 2 เดือนกว่าๆ โดยมีคู่แข่ง คือ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์
“เรื่องความกดดันมันมีอยู่บ้าง แต่จะพยายามเปลี่ยนให้เป็นพลังและความมุ่งมั่นในการแข่งขัน เพื่อคว้าให้ได้ทั้งเหรียญทองประเภททีมหญิงและหญิงเดี่ยว”
นอกจากนี้ อีกประเภทหนึ่งที่ไทยถือว่ามีลุ้นคือคู่ผสม จากคู่ของ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสมฟอร์มร้อนแรงจากแคมป์ เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี ที่ปีนี้ผลงานพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะการคว้าแชมป์ระดับกรังด์ปรีซ์โกลด์ “โยเน็กซ์ สวิส โอเพ่น” หรือเข้าชิงระดับซุปเปอร์ซีรีส์ และชิงแชมป์เอเชีย จนตอนนี้ขึ้นไปอยู่มือ 9 ของโลกแล้ว
ทรัพย์สิรีกล่าวว่า สภาพร่างกายตอนนี้ถือว่าพร้อมแล้ว เพราะจากที่ช่วงต้นปีมีแข่งหลายรายการติดต่อกัน แต่ก่อนซีเกมส์ได้มีช่วงพักและเตรียมตัวประมาณ 3 สัปดาห์หลังจาก “เอสซีจี ออลไทยแลนด์” ทำให้มีเวลาฝึกซ้อม แก้ไขข้อผิดพลาดได้
“ครั้งนี้ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ 3 ประเภท คือ ทีมหญิง, หญิงคู่ และคู่ผสม ซึ่งจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในทุกประเภท ส่วนคู่แข่งก็มีมาเลเซียกับอินโดนีเซีย โดยเฉพาะคู่ผสมของมาเลเซียที่แพ้มา 2 ครั้งหลังสุด อย่างไรก็ตาม โค้ชโอมได้แก้ไขข้อบกพร่องเตรียมรับมือไว้แล้ว”
ขณะที่หญิงคู่เองก็ถือว่ามีลุ้นเช่นกัน ในคู่ของทรัพย์สิรี กับ “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล ที่ล่าสุดหลังจากที่น้องเอิร์ธหายจากอาการบาดเจ็บ ก็สามารถกลับมาคว้าแชมป์ “เอสซีจี ออลไทยแลนด์” มาครองได้ทันที ก็ถูกยกให้เป็นมือวางอันดับ 1 ของซีเกมส์ครั้งนี้ด้วย
น้องเอิร์ธกล่าวว่า อาการบาดเจ็บที่เข่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ซึ่งจากการที่คว้าแชมป์มาได้ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น
“มองการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้เป็นความท้าทายของตัวเองมากกว่า เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยได้เหรียญทองเลย ซึ่งคู่แข่งเองก็ถือว่ารู้ทางกันดี เคยแพ้-ชนะกันมาตลอด และเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เราเองก็เตรียมตัวมาดี จึงคิดว่าจะเป็นเกมส์การแข่งขันที่สนุกตื่นเต้น”
ด้าน “โค้ชโอม” เทศนา พันธ์วิศวาส เฮดโค้ชเอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี หนึ่งในทีมงานสต๊าฟโค้ชของทีมชาติไทย เผยว่า แม้ว่ารายการนี้จะตรงกับรายการสำคัญอย่างชิงแชมป์โลก หรือกีฬามหาวิทยาลัยโลก แต่นักกีฬาหลายคนก็มาลงแข่งขันซีเกมส์ ดังนั้นไม่ใช่งานง่ายของนักกีฬาไทยแน่นอน
“ส่วนตัวก็ตั้งความหวังไว้ แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้เหรียญทองแน่นอน เพราะต้องขึ้นอยู่กับเกมส์ การเล่นแต่ละวันที่ลงแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะได้เตรียมนักกีฬามาอย่างดีที่สุดแล้ว” โค้ชโอมกล่าว
นับเป็นครั้งหนึ่งที่ทัพขนไก่ ไทย มีโอกาสลุ้นเหรียญทองเป็นจำนวนมาก และเชื่อว่านักกีฬาไทยจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
