องค์กรสตรีชมลูกจ้างหญิงถูกหน.ลวนลาม ‘กล้ากระชากหน้ากาก’ ผู้กระทำต่างหากต้องอับอาย

จากกรณีพนักงานอัตราจ้างหญิง กลุ่มภารกิจอำนวยการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ให้ดำเนินคดีกับหัวหน้าที่เป็นข้าราชการชาย ลวนลามและกระทำอนาจารด้วยการจับหน้าอก โดยมีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน

น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้จัดการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม เปิดเผยว่า แม้ไทยจะมีกฎหมาย มีมาตรการต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน แต่เหตุการณ์ก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ได้เอาผิดผู้กระทำอย่างจริงจัง ฉะนั้นคิดว่าปลัด สธ.จะต้องกล้าที่จะประกาศว่าจะเอาผิดผู้กระทำกรณีดังกล่าวอย่างเข้มงวด ใครที่เคยถูกกระทำให้มาร้องเรียนที่ปลัด สธ.โดยตรง และจะเก็บรักษาความลับให้ เพราะจากคำให้สัมภาษณ์ของผู้เสียหาย เข้าใจว่านี่คงไม่ใช่การกระทำครั้งแรกกับผู้เสียหายคนนี้เท่านั้น

“การตั้งคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริง อยากให้มีกรรมการที่เป็นผู้หญิงเข้าไปด้วย ไม่ใช่ชายล้วน รวมถึงมีกรรมการที่เชี่ยวชาญประเด็นดังกล่าว ซึ่งอาจเชิญจากภายนอกองค์กร เพื่อให้การดำเนินการสืบสวนปราศจากข้อกังขา ไม่กระทำซ้ำ และเข้าใจความละเอียดอ่อนของผู้หญิง ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้บังคับบัญชาสามารถทำได้ หากเห็นความสำคัญ เช่นเดียวกับการมีพนักงานสอบสวนหญิงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มาสอบข้อเท็จจริงคดีด้านเด็ก ผู้หญิง เพศ และครอบครัวโดยเฉพาะ” น.ส.สุเพ็ญศรีกล่าว

น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง

น.ส.สุเพ็ญศรีกล่าวอีกว่า นอกจากผู้กระทำดังกล่าวจะผิดทางวินัยแล้ว กรณีนี้ยังผิดตามกฎหมายอาญา ซึ่งยอมความไม่ได้ ในมาตรา 278 ว่าด้วยการกระทำอนาจาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ยิ่งถ้าเป็นผู้บังคับบัญชาคุกคามทางเพศลูกน้อง จะผิดเพิ่มในมาตรา 285 ว่าด้วยผู้ถูกกระทำอยู่ในความปกครอง ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ หนึ่งในสาม ซึ่งผู้ถูกกระทำสามารถขอความช่วยเหลือที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาทนายความฯ มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคฯ หรือมูลนิธิสมาคมต่างๆ ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ที่เป็นกลไกหนึ่งช่วยแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม ต้องชื่นชมผู้เสียหายที่กล้ากระชากหน้ากากอันชั่วร้ายของหัวหน้างาน

Advertisement

“กรณีนี้เมื่อเกิดขึ้นกับใครก็ตาม คนกระทำย่อมมีความผิดตามกฎหมาย ฉะนั้นต้องใช้ประสบการณ์มาพบหน่วยงานที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิ เพื่อหยุดพฤติกรรมของผู้กระทำ แม้หลายคนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอับอาย แต่ดิฉันอยากชวนมาเปลี่ยนความคิดว่าผู้กระทำต่างหากต้องอับอาย สังคมต้องมองอย่างนี้ ควบคู่ไปกับระบบที่จะช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเป็นมิตร ใส่ใจความละเอียดอ่อน และดำเนินการจริงจัง เชื่อว่าจะสามารถลดจำนวนการกระทำผิดดังกล่าวได้” น.ส.สุเพ็ญศรีกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image