กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา พบศพนายนายสำรวย วงษ์อักษร อายุ 32 ปี ถูกฆ่าฝังดิน สภาพขึ้นอืด ใกล้กันพบศพนายสมพาล บุญสนุน อายุ 39 ปี สภาพขึ้นอืด และศพนายไพรัช หอมชะเอม อายุ 38 ปี ริมคลองส่งน้ำกลางทุ่งนา ม.4 ต.บ้านนา อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายได้หายตัวไปจากบ้านพัก ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม ทางญาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังออกตรวจหา จนพบร่องรอยการเผาโทรศัพท์มือถือถูกเผาฝังดิน และใกล้กันยังพบรถจักรยานยนต์ถูกทิ้งในคลองส่งน้ำ จนไปพบศพถูกฆ่าฝังดินอย่างโหดเหี้ยม นั้น
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน มาสอบสวน เป็นกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตและในวันก่อนที่จะหายตัวไปได้ร่วมกันดื่มสุราอยู่ด้วยกัน โดย 1 ใน 2 ผู้ต้องสงสัยให้ข้อมูลว่า ได้เรียกนายสำรวย ผู้ตายให้ออกมาช่วยหาปลาใกล้กับที่เกิดเหตุแล้วแยกย้ายกันเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การ
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังชุดสืบสวน ได้จับกุมนายจรัญ หรือเอ๋ สังข์วิเศษ อายุ 46 ปี และนายกริษณ์ หรือแจ้ว นิ่มน้อย อายุ 46 ปี สองผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่า 3 ศพ อ้างโกรธแค้นนายสำรวย ผู้ตายหักหลังเรื่องยาบ้า 6,000 เม็ด เลยต้องฆ่า ส่วนนายสมพาล และนายไพรัช อีก 2 คน ได้เข้ามาเคลียร์จึงต้องฆ่าปิดปากให้หมด ต่อมาเจ้าหน้าที่คุมตัวนายจรัญ หรือเอ๋ ไปที่กระท่อมสังกะสีเพื่อชี้จุดวงนั่งดื่มสุรากันและเก็บโทรศัพท์ เสื้อเปื้อนเลือดนำไปเผา และไปชี้จุดที่ทิ้งรถจักรยานยนต์อีกคัน ก่อนส่งนักประดาน้ำลงไปงมค้นหาจนพบรถจักรยานยนต์อีกคัน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นชุดสืบสวนควบคุมตัวนายกริษณ์ หรือแจ้ว ไปชี้จุดที่นำอาวุธปืนลูกซองแบบไทยประดิษฐ์ไปซุกซ่อน ขุดหลุมฝังดินไว้ ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อเตรียมออกหมายจับต่อไป