เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 สิงหาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่นายภิญโญ เสริมสุขสกุลชัย นักธุรกิจหนุ่มเกี่ยวกับโซลาร์ รูฟ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.วาริธร หรือเปเป้ กัณท์ไพบูลย์ ดีไซเนอร์ชื่อดังเจ้าของร้านเเบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง เเละ น.ส.สิริลฎา เลิศสิริมงคลชัย เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท, พ.ร.บ.คอมฯ
โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 จำเลยทั้งสองโพสต์เฟซบุ๊กลงหน้าสถานะของตนเองโดยมีข้อความหมิ่นโจทก์ แล้วข้อความนั้นได้เเชร์ออกไปอย่างเเพร่หลาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เเละมีการลงข้อความในระบบคอมพิวเตอร์
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา14(1) จำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท ให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งจำคุก 6 เดือนปรับ 5 พันบาท รอลงอาญา เเต่คุมประพฤติ 1 ปี ให้มารายงานตัวปีละ 4 ครั้ง พร้อมบำเพ็ญประโยชน์ 24 ชั่วโมง
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนัก
โดยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้จำเลยทั้งสองเดินทางมาศาล
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันเเล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาพิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ จำคุก 6 เดือน ปรับ 5 พันบาท เมื่อพิเคราะห์ประวัตินิสัยรวมถึงเหตุที่กระทำประกอบกับไม่เคยทำผิด เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
ส่วนความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ เกี่ยวกับการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งลักษณะการกระทำความผิดของจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญาอยู่ด้วย จึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ กรณีเป็นเรื่องกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังมิได้กำหนดให้การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดต่อไป เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเช่นนี้ จึงเป็นเหตุให้ยกฟ้องในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ดังกล่าว ส่วนที่เเก้ให้เป็นคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ด้านทนายความของนายภิญโญกล่าวว่า จะเอาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์มาดูเเละปรึกษากับตัวความก่อนว่าจะยื่นฎีกาต่อหรือไม่ เเต่หลังจากนี้หากคดีสิ้นสุดเเล้วจะมีการฟ้องเเพ่งเรียกค่าเสียหายจากกรณีหมิ่นประมาท คาดว่าเป็นเงินหลายล้านบาทเเน่นอน