เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังนำทีมผู้บริหาร กทม.ตรวจเยี่ยมการดำเนินของศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กทม. ที่ชั้น 6 สำนักการระบายน้ำ ศาลาว่าการ กทม. 2 ว่า ตามที่รัฐบาลได้อนมุัติงบประมาณ จำนวน 195 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงศูนย์ฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปัจจุบันได้ปรับปรุงเสร็จสิ้นแล้ว เช่น ระบบซอฟท์แวร์ ระบบไฟฟ้าสำรอง การเชื่อมโยงสายเคเบิ้ลใยแก้วเพื่อวัดปริมาณน้ำฝนจากสถานีสูบน้ำ สำหรับศูนย์ฯ แห่งนี้ เป็นห้องบัญชาการเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือและจัดการสถานการณ์น้ำเหนือ น้ำหนุน และน้ำฝน โดยความทันสมัยของระบบซอฟท์แวร์จะสามารถประมวลผลและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบด้าน เช่น ปริมาณของน้ำฝนที่กระจายรอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 สิงหาคม พบว่าเกิดฝนตกหนักในพื้นที่เขตมีนบุรีและเขตบางเขน เจ้าหน้าที่สามารถลงพื้นที่แก้ไขปัญหาน้ำได้อย่างทันท่วงที ปัจจุบันศูนย์บัญชาการแห่งนี้ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาบริหารจัดการปัญหาน้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ประจำอยู่ที่ศูนย์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ทดแทนแบบเดิมที่ต้องให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่และรายงานผลกลับไปยังศูนย์
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า การพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจะสามารถช่วยให้ทำงานสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีขึ้น โดยเฉพาะระบบซอฟท์แวร์จะช่วยให้ กทม.มีข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น ซึ่งสามารถคาดการณ์ได้ว่าในช่วงเดือนกันยายนนี้ จะมีฝนตกปริมาณมากเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 345 มิลมิเมตร เนื่องจากร่องความกดอากาศสูงปะทะกับความกดอากาศต่ำ ทำให้เกิดฝนมากและยาวนาน อาจทำให้เกิดปัญหาในการระบายน้ำ อย่างไรก็ตาม กทม.ได้เตรียมแผนพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไว้แล้วและรักษาระดับน้ำในคลองตลอดเวลา
“สำหรับสถานการณ์ฝนที่ตกหนักประกอบกับลมกระโชกแรงในวันที่ 14 สิงหาคม ที่บริเวณซอยชินเขต ทำให้ต้นไม้หักโค่นทับเสาไฟฟ้า กระทั่งเกิดไฟดับเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่สามารถเดินเครื่องสูบน้ำได้ จึงเกิดปัญหาน้ำรอระบายนั้น กทม.พยายามแก้ไขปัญหาโดยนำเครื่องปั่นไฟดีเซลไปติดตั้งเพื่อให้สูบน้ำได้อย่างรวดเร็ว” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์น้ำในปัจจุบันน่าเป็นห่วงหรือไม่ และ กทม.มีประสิทธิภาพการจัดการน้ำแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างไร พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่าในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ สถานการณ์ยังไม่น่าห่วง
“แต่ผมห่วงในช่วงเดือนกันยายนที่คาดการณ์จะมีฝนตกปริมาณมาก แต่ผมยังเชื่อว่าจะสามารถระบายน้ำได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากได้จัดทำแผนและซ่อมบำรุงเครื่องมือระบายน้ำเพื่อเตรียมใช้งานแล้ว รวมถึงมีอุโมงค์ระบายน้ำบางซื่อที่จะเปิดใช้งานในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่ที่ผมเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา ปัจจุบัน กทม.มีประสิทธิภาพในการระบายได้ดีขึ้น แต่เมื่อก่อนผมไม่ทราบ” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการเชื่อมโยงกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อเฝ้าระวังพื้นที่ที่มีน้ำขัง พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า เป็นเพียงแนวคิดแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก กทม.ยังมีวิธีการอื่นที่ใช้งบประมาณอย่างประหยัดดำเนินการในลักษณะเดียวกันได้
