นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบฯปี 62 ย้ำ การนำเงินไปถม แก้ปัญหาได้ไม่ยั่งยืน

นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบฯปี 62 ย้ำมองความต้องการในพื้นที่ให้สอดคล้องแผนพัฒนาประเทศตามกรอบ ไม่ใช่เอาแต่เงินถมเพราะแก้ปัญหาได้ไม่ยั่งยืน ชี้ยุทธศาสตร์ชาติต้องอยู่ไม่ว่าตนจะอยู่หรือไม่


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดกว่า 1,600 คนร่วมงาน โดยการประชุมครั้งนี้เป็นผลมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 1 สิงหาคมท่ีผ่านมามีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณและการปรับปรุงปฏิทินงบปี 2562

นายกฯให้นโยบายตอนหนึ่งว่า อยากให้ทุกคนตื่นเต้นไปกับตนเหมือนเช่นทุกครั้งที่พูดถึงการจะทำให้ประเทศเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ทุกคนควรสำนึงอยู่เสมอ การเดินหน้าของประเทศต้องอาศัยส่วนราชการ และภาครัฐบริหาร และใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นไปตามความต้องการของประเทศ และศักยภาพที่มีอยู่ เราจึงจำเป็นต้องร่วมมือในทุกภาคส่วนด้วยพลังประชารัฐ และอย่าลืมว่าประเทศเรามีคนหลายกลุ่ม หลายพวก หลายฝ่าย ทำอย่างไรที่จะให้คนเหล่านี้เดินหน้าไปสู่วิสัยทัศน์ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทำให้ประเทศมีที่อยู่ในสังคมโลกในจุดที่เหมาะสม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราทำงานด้วยกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 วงรอบ 5 ปี โดยมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาแล้ว และจะมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมาอีก ถือเป็นกลไกในการทำงานเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม ทั้งนี้นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายสำคัญ รัฐบาลได้ประกาศ และเดินหน้ามาครบ 3 ปี มีการทำงานประสานสอดคล้องมาตลอด แต่ยังต้องพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป ไม่ว่าตนจะอยู่หรือไม่ก็ตาม ทุกอย่างต้องเดินหน้าตามกรอบที่วางไว้ รวมทั้งพร้อมที่จะปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ รวมถึงปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระดับโลก เราจะต้องทำให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีบนเวทีโลก เช่นการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขและพัฒนา มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยที่สำคัญจนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ซึ่งเกือบทุกประเทศได้เพิ่มการค้าการลงทุนกับไทย

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง ทั้งการบริหารจัดการภาครัฐ ระบบราชการ ขอให้ทุกคนปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพื่อนำพาประเทศให้ก้าวทันกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยขั้นแรกต้องนำพาประเทศไปสู่การมีรายได้ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ เรายังคงต้องใช้งบประมาณภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจเป็นตัวนำพาไปในช่วงแรก ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงจุดอ่อนของการบริหารจัดการภาครัฐ คือขาดการบูรณาการในมิติต่าง ๆ อย่างแท้จริง จึงพยายามส่งเสริมให้บูรณาการในด้านต่าง ๆ ตามมิติพื้นที่ แต่ก็ยังเชื่อมโยงได้ไม่แท้จริง รัฐบาลสนับสนุนให้มองการพัฒนาพื้นที่เป็นระดับภาค ซึ่งปัจจุบันเราได้กำหนดเป็น 6 ภาค ดังนั้นงบประมาณไม่ว่าจะเป็นด้านใด ก็จะต้องมองศักยภาพของภาคโดยรวม ต้องประเมินตัวเลขจีดีพี รายหัว รายจังหวัด เพราะปัจจุบันยังมีความแตกต่างในเรื่องของรายได้แต่ละพื้นที่ค่อนข้างมาก เห็นได้จากการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย มีถึง 14 ล้านคน หลังคัดกรองแล้วน่าจะเหลือประมาณ 12 ล้านคน โดยประเมินรายได้ ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี เฉลี่ยต่อเดือนแล้วอยู่ไม่ได้ อย่างน้อยรายได้ต่อเดือนควรอยู่ที่ 3-4 หมื่นบาท แต่มันทำไม่ได้ เพราะแม้แต่ข้าราชการยังมีรายได้ไม่ถึง จึงต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีรายได้สูงขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้ง 6 ภาค ดังนั้นจะต้องเร่งการพัฒนาโดยเร็ว

“ทำอย่างไรที่จะทำให้การพัฒนา และรายได้ถึงมือประชาชนทุกคน ถ้ามัวเอาโครงการ และงบประมาณไปใส่เป็นก้อน ๆ เฉพาะกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ โดยไม่มองมวลรวมทั้งหมด ทุกอย่างก็จะเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันเพียงพอ ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม เพราะโครงสร้างไม่ได้แก้ปัญหา พื้นฐานก็ยังเหลื่อมล้ำ และไม่ใช่ทุกภาค ทุกจังหวัดจะเสนองบประมาณมาแบบเดียวกัน เพราะส่วนกลางไม่สามารถจัดสรรให้ได้ ผู้ว่าฯ ต้องเข้าใจว่าอะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง และวันนี้งบประมาณจังหวัดก็ได้รับจัดสรรไปมากกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ว่าฯ ทุกคนจะต้องตอบคำถามผมให้ได้ว่า จังหวัด และภาคของท่านควรพัฒนาไปในทิศทางใด”นายกฯ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image