‘กลุ่มสามารถ’เร่งจัดทัพใหม่ รองรับ 4.0 ทรานสฟอร์มไอ-โมบาย เป็น สามารถดิจิทัล

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์

กลุ่มสามารถ แจงผลประกอบการไตรมาส 2/2560 มีรายได้รวม 3,893 ล้านบาท ขาดทุน 188 ล้านบาท อันเป็นผลกระทบจากธุรกิจมือถือเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ผลประกอบการจะพลิกฟื้นเป็นบวกและสามารถเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน จากการทรานสฟอร์มโครงสร้างธุรกิจ ลดขนาดธุรกิจมือถือ ซึ่งมีการแข่งขันสูงและให้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ประจำและอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น อาทิ Digital Trunked Radio, Digital Content, Digital Sports เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจดิจิทัลในอนาคต จึงจะมีการเปลี่ยนชื่อ สามารถไอ-โมบาย เป็น สามารถดิจิทัล และมีการเพิ่มทุนพร้อมแจก Warrant แก่ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมจัดตั้งบริษัท Samart Transolutions เพื่อรุกธุรกิจด้าน Transportations อย่างจริงจัง โดยมีบริษัท Cambodia Air Traffic Services เป็นหัวหอก และเตรียมนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในราวปี 61

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “บริษัทมีรายได้รวมไตรมาส 2 จำนวน 3,893 ล้านบาท โดยสายธุรกิจไอซีที นำโดย บมจ.สามารถเทลคอม มีรายได้รวมที่ 1,688 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 กำไรสุทธิ 60 ล้านบาท ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรก สามารถเซ็นสัญญาโครงการใหม่มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท อาทิ โครงการจัดซื้อและว่าจ้างบริการบํารุงรักษาระบบ Core Banking และระบบงาน Loan Origination จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น ส่งผลให้มีงานในมือแล้วในปัจจุบันเกือบหมื่นล้านบาท ด้าน บมจ.วันทูวันคอนแทคส์ นอกจากจะมีการต่อสัญญาเดิมแล้ว ยังมีสัญญาว่าจ้างใหม่ๆ รวมมูลค่าสัญญากว่า 120 ล้านบาท ส่งผลให้มีมูลค่างานในมือ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 920 ล้านบาท ส่วนธุรกิจด้านพลังงานก็ไปได้สวย โดยบริษัท เทด้า จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารงานก่อสร้างโครงการ สายส่ง สถานีไฟฟ้าแรงสูง แบบครบวงจร มีการเซ็นสัญญาว่าจ้างในโครงการเปลี่ยนระบบไฟฟ้าอากาศเป็นระบบสายไฟฟ้าใต้ดินให้กับ กฟน. และโครงการจัดหาและก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงให้กับ กฟผ. มูลค่ารวมกว่า 1,200 ล้านบาท

ครึ่งปีหลังคึกคัก ปรับแผนดันรายได้รับกระแสธุรกิจยุค “ไทยแลนด์ 4.0”
สำหรับครึ่งปีหลัง กลุ่มสามารถมีแนวโน้มผลประกอบการเพิ่มสูงขึ้น จากสายธุรกิจ ICT Solution ซึ่งคาดว่าสิ้นปี 2560 จะมีงานในมือรวมแล้วกว่า 12,000 ล้านบาท ด้านสายธุรกิจ Related Business โดยเฉพาะ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ มีโอกาสเข้าประมูลในโครงการคอลเซ็นเตอร์ระดับชาติมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ส่วนสายธุรกิจ Mobile-Multimedia ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจจากที่เคยเน้นการขายโทรศัพท์มือถือ ไปสู่การขายเครื่องลูกข่าย Digital Trunked ในลักษณะ Private Network และการให้บริการข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ครอบคลุมทั้งด้าน Lifestyle กิน ดื่ม เที่ยว กีฬา และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลตามมาอีกมากมาย จึงน่าจะสามารถพลิกฟื้นได้ในครึ่งปีหลัง และมีโอกาสในการสร้างรายได้ประจำที่มั่นคงมากขึ้นในอนาคต”

“เรามองการก้าวสู่ยุคดิจิทัลนี้เป็นโอกาสของการขยายผลและเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ นอกจากธุรกิจในสายโมบายแล้ว ธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มสามารถก็ดำเนินไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะสายไอซีที ที่ได้รับผลบวกจากการผลักดันนโยบาย Thailand 4.0 ดังนั้น ผมจึงมั่นใจว่าหลังจากการผ่าตัดธุรกิจ SIM ในครั้งนี้สำเร็จ เราจะแข็งแกร่งขึ้นและพร้อมจะรุกธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของกลุ่มสามารถในช่วงครึ่งปีหลังจะพลิกฟื้นขึ้นมาเป็นบวกได้อย่างแน่นอน” นายวัฒน์ชัยกล่าวทิ้งท้าย

Advertisement

“กลุ่มบริษัทสามารถ” มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร ภายใต้บริษัทในเครือกว่า 20 บริษัท และมี 4 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) และล่าสุด บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน)

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image