สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลิปปินส์ได้เปิดปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดในหลายพื้นที่ตอนเหนือของกรุงมะนิลา ในช่วงคืนวันที่ 14 ต่อเนื่องเช้าวันที่ 15 สิงหาคม โดยเจ้าหน้าที่สังหารผู้ต้องสงสัยไป 32 ราย นับเป็นการทำสงครามยาเสพติดใน 1 วันที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่โรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปินส์ประกาศนโยบายต่อต้านยาเสพติดอย่างแข็งกร้าว
รายงานระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวที่ดำเนินการมากกว่า 10 จุดในจังหวัดบูลากัน สามารถจับกุมอาชญากรลหุโทษได้จำนวน 109 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงคนเร่ขายยาเสพติด สามารถยึดปืนได้กว่า 10 กระบอก โดยปฏิบัติการดังกล่าวนับเป็นปฏิบัติการครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยโรมีโอ คารามัต ผู้บัญชาการตำรวจบูลากัน ระบุว่าการเสียชีวิตดังกล่าวเกิดขึ้นจากการยิงต่อสู้ไม่ได้เป็นการสังหารอย่างผิดกฎหมายอย่างที่นักเคลื่อนไหวมักนำมาโจมตีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตในนโยบายสงครามยาเสพติดของประธานาธิบดีดูแตร์เตแล้วนับพันคน นับตั้งแต่เริ่มต้นนโยบายเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนปี 2559 การกวาดล้างดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมนานาชาติ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสังหารผู้ต้องสงสัยและยัดยาและปืนในที่เกิดเหตุ ขณะที่รัฐบาลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าการเสียชีวิตโดยปริศนาหลายคดีเกิดจากสงครามระหว่างแก๊งยาเสพติด
