ที่มา | คอลัมน์สุจิตต์ วงษ์เทศ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ประวัติศาสตร์ไทยแบบอาณานิคม หล่อหลอมให้ไทยยกตนข่มท่าน เพราะหลงตัวเองว่าไทยใหญ่ไทยโต วิเศษวิโสกว่าเพื่อนบ้านโดยรอบ เป็นสิ่งที่คนชั้นนำไทยอยากให้เป็นตามที่วาดหวังไว้ จึงเสกสรรปั้นแต่งตามต้องการเพื่อผดุงอำนาจของตน เช่น
ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย ยังไม่เคยพบหลักฐานโบราณคดีว่ามีจริง แล้วจัดแบ่งตามประวัติศาสตร์ศิลปะแบบอาณานิคม (ที่คนชั้นนำเสกสรรขึ้น) โดยมีชื่อเรียกต่างๆ ว่า สมัยทวารวดี, สมัยศรีวิชัย, สมัยลพบุรี, สมัยสุโขทัย, สมัยเชียงแสน, สมัยอยุธยา ฯลฯ
อาณานิคมอินเดีย
ประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยแบบอาณานิคม มีอำนาจครอบงำการเรียนการสอนในระบบการศึกษาไทยปัจจุบัน และส่งผลเสียอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจการเมืองและสังคมวัฒนธรรม
ประวัติศาสตร์ไทยแบบอาณานิคม หมายถึงประวัติศาสตร์ที่รับโครงสร้างแนวคิดหลักด้านเนื้อหาจากงานค้นคว้าของชาวยุโรปยุคล่าอาณานิคมตั้งแต่สมัย ร.5 และหลังจากนั้น
ต่อมาแม้พบหลักฐานโบราณคดีเพิ่มมากกว่ายุคล่าอาณานิคม แต่การตีความเพื่อสถาปนาคำอธิบายยังอยู่ในกรอบครอบงำอย่างเคร่งครัดของประวัติศาสตร์ศิลปะแบบอาณานิคม ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. อาณานิคมอินเดีย อุษาคเนย์ดั้งเดิมเป็นดินแดนป่าเถื่อน ต่อเมื่อรับอารยธรรมอินเดียแล้วถึงเจริญมีบ้านเมือง
เท่ากับสร้างอาณานิคมของอินเดียในอุษาคเนย์ หรืออุษาคเนย์เป็นอาณานิคมของอินเดีย อันเป็นที่รู้กันทั่วโลกในชื่อหนังสือของเซเดส์ว่า Indianized States of Southeast Asia แล้วยังเชื่อถือจนทุกวันนี้
2. ศิลปกรรมทางศาสนาจากอินเดีย ให้ความสำคัญศิลปกรรมที่รับจากอินเดีย ซึ่งเกี่ยวข้องกับทางศาสนาพราหมณ์และพุทธ ของวัดกับวัง แล้วแบ่งยุคสมัยประวัติศาสตร์ไทยตามลำดับอายุของศิลปกรรมเหล่านั้น
3. เชื้อชาติ มีคนเชื้อชาติต่างๆ แยกกันอยู่เป็นประเทศๆ เชื้อชาติใครเชื้อชาติมันไม่ปนกัน แต่เฉพาะคนเชื้อชาติไทยอพยพมาจากที่อื่นนอกประเทศไทย
ไม่อาณานิคม
(1.) อุษาคเนย์ก่อนติดต่ออินเดีย มีเทคโนโลยีก้าวหน้า และเติบโตเป็นบ้านเมืองระดับรัฐ
เมื่อติดต่ออินเดียก็เลือกรับอารยธรรมอินเดียเฉพาะที่ไม่ขัดกับความเชื่อท้องถิ่นที่มีอยู่ก่อน ไม่รับทั้งหมด
(2.) ศิลปกรรมอุษาคเนย์เนื่องในศาสนาผี มีแล้วอย่างมั่นคงก่อนติดต่ออินเดีย ได้แก่ กลองทองมโหระทึก, ภาพเขียนบนผนังถ้ำ ฯลฯ
(3.) อุษาคเนย์ประกอบด้วยคนหลากหลายชาติพันธุ์ ผสมผสานเคล้าปะปนกันไม่น้อยกว่า 3,000 ปีมาแล้ว แต่ละประเทศมีคนนานาชาติพันธุ์ และมีบรรพชนร่วมกัน
คนไทยก็เช่นเดียวกับคนอุษาคเนย์อื่นๆ เป็นลูกผสมนานาชาติพันธุ์ร้อยพ่อพันแม่จากที่โน่น ที่นี่ ที่นั่น ทั้งภายในและภายนอกอุษาคเนย์
เสรีภาพจากข้อเท็จจริง
เสรีภาพทางวิชาการจะมีได้อย่างไร? ถ้าประวัติศาสตร์โบราณคดีไทยละทิ้งความจริง
ประวัติศาสตร์โบราณคดีไทยแบบอาณานิคมที่คนชั้นนำเสกสรรปั้นแต่งขึ้นจากความไม่จริง ล้วนเป็นอาวุธทำลายเสรีภาพทางวิชาการ
อวดว่าไม่เป็นอาณานิคมโดยนิตินัย แต่ประวัติศาสตร์โบราณคดีไทยเป็นอาณานิคม