ชาวบ้านริมโขงเครียด เขื่อนปากแบงชายแดนไทย-ลาวกำลังมา แต่รัฐไทยยังไม่มีใครหืออือ

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 นายทองสุข อินทะวงศ์ ชาวบ้านห้วยลึก ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เปิดเผยว่าขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขงค่อนข้างกังวลต่อความคืบหน้าของโครงการเขื่อนปากแบง ในประเทศลาวซึ่งอยู่ประชิดชายแดนไทยด้าน จ.เชียงรายและขณะนี้ครบระยะเวลา 6 เดือนของขั้นตอนการปรึกษาหารือล่วงหน้าตามข้อตกลงแม่น้ำโขง แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ข้อมูลหรือชี้แจงผลกระทบเพิ่มเติมกับชาวบ้านที่จะเกิดขึ้นจากเขื่อนปากแบงเลยส่วนความคืบหน้าในพื้นที่หัวงานเขื่อน ซึ่งตั้งอยู่ที่แขวงอุดมไซสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ก็ยังไม่ทราบความคืบหน้าแต่อย่างใด

นายทองสุขกล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและชาวบ้านในพื้นที่กำลังร่วมกันทำข้อมูลเกี่ยวกับระบบนิเวศแม่น้ำโขงในเขตบ้านห้วยลึกซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบท้ายน้ำจากการสร้างเขื่อนปากแบงไว้เป็นฐานข้อมูลสำคัญของชุมชนในอนาคตอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้กลุ่มรักษ์เชียงของได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการหลายแห่งเพื่อขอทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบข้ามแดนที่เกิดจากการก่อสร้างเขื่อนปากแบง อาทิ กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) กรมประมง โดยสผ.ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ตอบกลับมาว่า สผ.ได้ให้ความเห็น แก่กรมทรัพยากรน้ำซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ว่า ข้อมูลที่ใช้นั้นเป็นข้อมูลเก่ายังไม่เป็นปัจจุบันซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมรวมทั้งอาจจะส่งผลกระทบข้ามพรมแดนและผลกระทบสะสมจึงต้องมีมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นจากเจ้าของโครงการ ซึ่งสผ.ได้เสนอให้มีแผนการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนกับประเทศท้ายน้ำซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย

ขณะที่กฟผ.ได้ส่งหนังสือตอบกลับ ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 มีเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า สำหรับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณเหนือน้ำและท้ายน้ำในเขตประเทศไทยที่อาจเกิดจากการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าของเขื่อนปากแบงนั้นกฟผ.ได้ร่วมพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบงของสปป.ลาว และได้เสนอความเห็นทั้งทางด้านเทคนิคและวิชาการรวมทั้งมาตรการป้องกันแก้ไขและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ระบุไว้ในรายงานดังกล่าวไว้แล้วรวมทั้งยินดีให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้มีการดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนอย่างเป็นรูปธรรม

Advertisement

ด้านกรมประมงได้มีหนังสือตอบกลับลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2560มีเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่าทางกรมประมงขอชี้แจงความคิดเห็นต่อกรณีผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำปากแบงหลังได้พิจารณารายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการศึกษาผลกระทบของโครงการด้านทรัพยากรประมงยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรขาดความสมบูรณ์ เเละไม่ครอบคลุมพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการทั้งหมด เช่น
1.จุดเก็บตัวอย่างที่ดำเนินการเก็บตัวอย่างทางด้านประมงมีจำนวนน้อยเเละไม่ครอบคลุมพื้นที่ในลำน้ำและรูปแบบเเหล่งอาศัยสัตว์น้ำที่จะได้รับผลกระทบ
ทำให้ผลการศึกษาไม่สะท้อนข้อมูลที่จะได้รับผลกระทบจริงทั้งหมด

2.ช่วงระยะเวลาที่เก็บตัวอย่างภาคสนามจำนวน 2 ครั้งในช่วงเดือนมกราคมเเละเดือนกรกฎาคม 2554 ไม่ครอบคลุมการเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลในรอบปีทั้งหมดส่งผลให้จำนวนพันธุ์ปลาที่พบจากการศึกษามีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับผลการศึกษาของผู้วิจัยอื่นที่ดำเนินการในพื้นที่เดียวกัน

Advertisement

3.วิธีการสุ่มตัวอย่างในด้านการประมงในภาคสนามยังไม่เป็นวิธีการที่เป็นมาตรฐานสากลซึ่งทำการสุ่มตัวอย่างด้วยเครื่องมืออวนทับตลิ่งที่มีพื้นที่ขนาดเล็กมากจึงไม่เป็นตัวแทนที่ดีพอและไม่สามารถสะท้อนให้เห็นความชุกชุมของประชากรปลาที่มีอยู่จริง
4.ไม่มีการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มชาวประมงอาชีพในบริเวณพื้นที่เหนือเขื่อนโดยเฉพาะในส่วนของประเทศไทยตั้งแต่พื้นที่แก่งผาได อำเภอเวียงแก่นจนถึงบ้านปากอิง ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย กล่าวได้ว่าหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศต่างมีความกังวลต่อผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนต่อประเทศไทยอย่างยิ่งเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของการจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของบริษัท

อนึ่ง โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง (Pak Bang Dam)เป็นโครงการเขื่อนพลังน้ำซึ่งจะก่อสร้างอยู่บนแม่น้ำโขงสายประธานเมืองปากแบง แขวงอุดมไชย ทางภาคเหนือของ สปป.ลาวห่างไปทางตอนล่างของพรมแดนไทยลาว บริเวณแก่งผาได อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ประมาณ 92 กิโลเมตร ลักษณะของเขื่อนปากแบง ประกอบด้วย เขื่อนคอนกรีตโรงไฟฟ้า ประตู ระบายน้ำ ประตูเรือสัญจร และทางปลา วัตถุประสงค์ คือใช้เพื่อผลิตไฟฟ้า และปรับปรุงการเดือนเรือบริเวณทางตอนบนของเขื่อนและสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่เขื่อนโดยระดับน้ำบริเวณเขื่อนจะมีความหลากหลายตั้งแต่ 16-27 เมตรขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงการไหลของน้ำในช่วงแต่ฤดูซึ่งโรงไฟฟ้าจะมีกำลังผลิต 912 เมกกะวัตต์การส่งออกไฟฟ้าขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงในแต่ฤดูกาล
โดยโครงการเป็นของกลุ่มบริษัท ต้าถังโอเวอร์ซีส์ อินเวสต์เม้นต์ (DatangOverseas Investment) ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้าง ในปี 2560 การก่อสร้างจะแล้วเสร็จและจ่ายกระแสไฟฟ้าในปี 2566 โดยก่อนหน้าที่มีรายงานข่าวระบุว่า บริษัท EGCO บริษัทลูกของ กฟผ. ถือหุ้นในโครงการนี้ประมาณ 30%
โครงการเขื่อนปากแบง ได้เข้าสู่กระบวนการแจ้งล่วงหน้าและปรึกษาหารือ(PNPCA) ตามข้อตกลงแม่น้ำโขง พศ. 2538 ที่ประเทศไทย ลาว กัมพูชา
และเวียดนาม ลงนามร่วมกัน โดยเริ่มกระบวนการในปลายปี 2559 และกำหนดครบวาระ 6 เดือน ในวันที่ 19 มิถุนายน 2560 ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำ
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยได้มีการจัดเวทีให้ข้อมูลใน 3 จังหวัด รวม 4 ครั้งซึ่งประชาชนเห็นว่าข้อมูลไม่เพียงพอ และไม่สามารถอธิบายผลกระทบข้ามพรมแดนได้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2560 กลุ่มรักษ์เชียงของในนามผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนปากแบงได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย กรมทรัพยากรน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.เนื่องจากเห็นว่าหน่วยงานเหล่านี้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ชาวบ้านริมแม่น้ำโขงได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบข้ามแดน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image