เอ่ยถึง ปาล์ม Instinct หลายคนคงแว่วได้ยินเสียงเพลง ‘โปรดส่งใครมารักฉันที’ ที่โด่งดัง แต่กระนั้นในชีวิตจริง ปรียวิศว์ นิลจุลกะ บอกว่า นอกเหนือจากการเป็นนักร้อง ในอีกด้านหนึ่งของชีวิตเขาก็สร้างสรรค์งานศิลปะอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ผลงานชุดใหม่ของเขาก็นำมาจัดเป็นนิทรรศการ ‘Siam Rangers : เป็นฮีโร่มันเหนื่อย’ ให้ชมที่ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์ สุขุมวิท 39 จนถึง 10 กันยายนนี้
ทั้งนี้ปาล์ม ผู้เรียนจบเอกจิตรกรรม จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เล่าว่า ที่มาของงานชุดนี้เกิดจากประสบการณ์ตรงที่ได้พบ รวมถึงสิ่งที่ได้รู้เห็นระหว่างท่องโลกในสังคมโซเชียล
“เรื่องของตำรวจเป็นเรื่องที่ทุกคนได้รับรู้อยู่ตลอดเวลา ทั้งแง่บวกและแง่ลบ เพราะตำรวจเป็นอาชีพที่เข้าถึงคนไทยมากที่สุดอาชีพหนึ่ง”
“ทุกๆคนเคยมีประสบการณ์บางอย่างกับตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี หรือไม่ดี”
“ผมเองก็เคยมี เลยเลือกเอาเรื่องราวพวกนี้มาใช้ทำงานศิลปะ”
งานที่ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมที่มีกว่า 20 ชิ้น และงานประติมากรรมเท่าคนจริงอีก 1 ชิ้น ที่สะท้อนมุมมองหลากหลาย ทั้งชื่นชม ขมขื่น และ ฯลฯ
งานชุดนี้ ปาล์มบอกว่าเขาทำมา 4 – 5 ปี และคิดว่า “นี่น่าเป็นช่วงเวลาที่พีคที่สุดของชุดนี้”
บอกอีกว่า “หลายๆคนอาจจะรู้สึกเบื่อ หรือสิ้นหวัง กับการทำงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เราไม่ได้จะต่อว่าตำรวจอย่างเดียวนะ เรื่องตำรวจในด้านที่ดีก็มีการนำเสนอเหมือนกัน แต่โดยมุมมองคือเราเป็นคนช่างติ ช่างประชด เลยพยายามทำออกมาให้มีความสนุกสนานอยู่ในนั้น”
ส่วนเมื่อถามว่าทำออกมาแล้ว เกรงจะมีผลกระทบอะไรๆจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หรือไม่ เจ้าตัวบอกทันทีว่า ยังเชื่อในการทำงานศิลปะด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ ไม่ได้มุ่งโจมตีใคร แต่ใช้ผลงานเป็นภาพสะท้อนความรู้สึกของคนในสังคม ในรูปแบบของการหยอกล้อด้วยอารมณ์ขัน
คนทำยังบอกด้วยว่าในบรรดางานทั้งหมดของชุดนี้ ชิ้นที่เขาชอบมากที่สุดคือ ‘Civil War’ ภาพนี้
ในส่วนของงานที่นำเสนอไป ปาล์มบอกว่า เขาไม่รู้หรอกว่าคนที่มาดูจะรับอะไรที่เขาสื่อสารไปได้แค่ไหน หากนั่นไม่ได้เป็นปัญหา
“ถ้าดูแล้วไปคิดต่อ ถือว่าเป็นเรื่องดี ดูแล้วคิดได้ว่า เออ…สังคมมันกำลังเกิดแบบนี้จริงๆ เราจะทำยังไงกันดี แต่อันนั้นเป็นเรื่องของคนดู เราแค่สื่อสารว่ามันมีอย่างนี้เกิดขึ้นในสังคมนะ นี่คือหน้าที่ของศิลปิน”
“แต่คนที่จะเปลี่ยนสังคม อยู่ที่คนดู ว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
ถามเขาไปเป็นคำสุดท้ายว่านอกเหนือจะสะท้อนเรื่องราวเหล่านี้ผ่านงานศิลปะแล้ว เคยคิดจะนำเสนอผ่านงานเพลงบ้างไหม
คำตอบที่ได้จากปาล์มคือ “คนฟังจะไม่เหมือนคนดูงานศิลปะ”
ขณะเดียวกันการทำดนตรีบ้านเราก็ยังมีข้อจำกัด
“เราทำเพลงเฉพาะประเทศไทย ซึ่งคนไทยชอบเพลงอกหัก แต่งานศิลปะมันได้ทั่วโลกไง เพราะฉะนั้นงานศิลปะเรามันถึงเป็นตัวของตัวเอง ความเป็นตัวตนเราออกมาทางศิลปะมากกว่าอยู่แล้ว”
“ดนตรีมันมีข้อจำกัด เพราะถ้าทำเพลงที่ไม่เกี่ยวกับความรัก พูดตรงๆเลยว่าขายยาก นอกจากว่าเราดังมากๆจนเขารอฟังเพลงจากเรา รอฟังความคิดจากเรา แต่วงอินสติงต์มันยังไม่ถึงจุดนั้น”
“วงอินสติงค์ยังต้องทำเพลงเพราะ ให้โดนก่อน”
เรื่องก็เลยต้องเป็นไปด้วยประการฉะนี้ั