สนช.มีมติเอกฉันท์ ยืนตามร่างเดิม’เซตซีโร่’ กสม. ย้ำชัดสรรหาไม่เป็นตามกติกา

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 17 สิงหาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดย พล.ร.อ.วัลลภ เกิดผล ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) กล่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการฯได้มีการพิจารณาร่างกฎหมายทั้งหมด 67 มาตรา มีการแก้ไขคำปรารภ และแก้ไขทั้งหมด 18 มาตรา ซึ่งมีคณะกรรมาธิการฯขอสงวนคำแปรญัตติ 5 คน และสมาชิก สนช. 3 คน ทั้งนี้ ประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งของ กสม.นั้น สมาชิก สนช.และคณะกรรมมาธิการฯ มีแนวคิดเป็น 3 แนวทาง คือ 1.ให้ กสม.พ้นตำแหน่งทั้งหมดหลังจากกฎหมายประกาศใช้ 2.ให้ กสม.ดำรงตำแหน่งอยู่จนครบวาระ และ 3.ให้ กสม.ดำรงตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไป 3 ปี นับจากวันโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง

จากนั้น นางจุรี วิจิตรวาทการ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในฐานะคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กลุ่มของตนมีแนวคิดที่ 1 คือ เซตซีโร่  กสม.เนื่องจากเห็นว่า กสม.ต้องทำงานในองค์กรร่วมกับเวทีสากล เราจึงต้องปฏิบัติตามหลักการสากล คือ กฎปารีส แต่ขณะนี้การสรรหา กสม.ของเรายังมีปัญหาที่ไม่ตรงไปเป็นกฎกติกา ตนได้คุยกับเจ้าหน้าที่สากลของหน่วยงานสิทธิมนุษยชน เขาก็มองว่าเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามหลักการปารีส ที่ต้องการให้คนที่มีความรู้ ความสามารถที่หลากหลายเข้ามาดำรงตำแหน่ง เหตุผลที่ยกมาน่าจะสมเหตุสมผลเนื่องจากกฎหมายนี้เราพิจารณาโดยยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก

ด้านนางภิรมย์ ศรีประเสริฐ คณะกรรมาธิการฯเสียงข้างน้อย ในฐานะรักษาการรองเลขาธิการ กสม. ที่มีแนวคิดตามหลักการที่ 2 กล่าวว่า ตนเห็นว่าควรให้ กสม.ดำรงตำแหน่งอยู่จนครบวาระในปี 2564 เนื่องจากขณะนี้หลักการปารีสได้รับรองจากสถาบันทั่วโลก มีเนื้อหาตามขอบเขตหน้าที่ อำนาจเหล่านี้ กสม.เรามีกระบวนการประเมินและพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักการปารีส และ กสม.ก็ได้ปฏิบัติตามกฎโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติตาม คือ กระบวนการได้มาที่ยังขาดหลักประกัน เนื่องจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่รองรับ ซึ่ง กสม.มีหน้าที่สามารถดำรงตำแหน่งอยู่เพื่อทบทวนแนวทางการทำงานที่ยังไม่เป็นไปตามกฎกติกาปารีสภายในปี 2561 ดังนั้น ที่ตนให้ กสม.อยู่จนครบวาระเพราะมีความหลากหลายและได้รับการสรรหาโดยชอบตามคำสั่ง คสช. และผ่านความเห็นชอบของ สนช.เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2558

ขณะที่ นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก กล่าวว่า การที่ต้องการให้ประธาน กสม.และกรรมการ กสม.ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนที่ร่าง พ.ร.ป.นี้จะใช้บังคับ ยังคงให้ดำรงตำแหน่งต่อไปก่อนครบวาระในปี 2561 ดังนั้น สิ่งที่ต้องการให้ กสม.ชุดนี้อยู่ต่อคือ ทำอย่างไรจะไม่กระทบสิทธิ เพราะเราตั้งคุณสมบัติสูงขึ้น แต่ กสม.อาจไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติเหมือนกับ ป.ป.ช. หรือ สตง. เพราะ กสม.เขามีสิทธิได้รับผลประโยชน์โดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญโดยกฎหมายในขณะที่แต่งตั้ง กสม.เข้ามา

Advertisement

ต่อมา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งพักการประชุม เพื่อให้คณะกรรมาธิการฯได้ไปประชุมเพื่อตกลง ปรับแก้ และพิจารณาหารือในทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าวว่าจะเห็นเป็นอย่างไร จนกระทั่งเวลา 12.50 น. ได้เปิดการประชุมอีกครั้ง โดย พล.ร.อ.วัลลภกล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯได้หารือว่า กลับไปสู่ร่างเดิมในมาตรา 60 ตามที่ กรธ.ร่างมาโดยไม่มีการแก้ไข คือให้ กสม.พ้นตำแหน่งทั้งหมดหลังจากกฎหมายประกาศใช้ทันที โดยที่ประชุมมีมติเห็นด้วยในมาตรา 60 ด้วยคะแนน 117 ต่อ 20 งดออกเสียง 8 และขอแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 61 เรื่องเวลาในการสรรหาคณะกรรมการเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ กสม.ชุดปัจจุบันรักษาการไปจนกว่าจะสรรหา กสม.ชุดใหม่ในระยะเวลา 320 วัน

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติวาระ 3 เห็นชอบร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย กสม. ด้วยคะแนน 199 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 ถือว่าที่ประชุมมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ จากนี้ทาง สนช.จะส่งร่างให้ กสม. และ กรธ.เพื่อพิจารณาต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image