ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
พระปรางค์วัดอรุณฯ ได้ต้นแบบสถาปัตยกรรมจากปราสาทขอม ซึ่งมีทั้งในไทยและกัมพูชา
ปราสาทต้นแบบ ราว พ.ศ.1600
ปราสาทขอม (ต้นแบบพระปรางค์ในไทย) มีแรกสุดราวเรือน พ.ศ.1600 เช่น
ในไทย คือ ปราสาทพิมาย (อ. พิมาย จ. นครราชสีมา)
ในกัมพูชา คือ ปราสาทนครวัด (เมืองเสียมเรียบ โตนเลสาบ)
พระปรางค์ในไทย ราว พ.ศ. 1800
พระปรางค์ในไทย (ดัดแปลงจากปราสาทขอม) เริ่มมีหลัง พ.ศ. 1800 ได้แก่
พระปรางค์ประธานวัดมหาธาตุ (อยุธยา) ส่วนบนพัง สมัย ร.5 ปัจจุบันเหลือแต่ฐาน
นอกจากนี้ยังมีพระปรางค์ที่เมืองละโว้ (ลพบุรี), เมืองสุโขทัยกับเมืองศรีสัชนาลัย (สุโขทัย), เมืองสุพรรณบุรี, เมืองราชบุรี, เมืองเพชรบุรี ฯลฯ
นักประวัติศาสตร์ศิลปะรุ่นใหม่ๆ บอกเพิ่มเติมว่า พระปรางค์ในไทยมีลักษณะสถาปัตยกรรมเทียบได้กับปราสาทในเมืองพระนคร (กัมพูชา) ยุคหลังพระเจ้าชัยวรรมันที่ 7เช่น ปราสาทพระป่าเลไลยก์, กลุ่มปราสาทพระปิตุ
พระปรางค์วัดอรุณฯ หลัง พ.ศ. 2300
พระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นมหาธาตุหลวงของกรุงเทพฯ สร้างสมัย ร.2 (พ.ศ. 2352-2367) โดยฝีมือออกแบบและควบคุมก่อสร้างของโอรส (คือ ร.3)
เป็นมหาธาตุยังมีชีวิตเป็นที่สักการบูชา จึงมีการบูรณปฏิสังขรณ์สืบเนื่องเป็นระยะๆ ด้วยฝีมือช่างที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ซึ่งไม่ใช่ปัญหา
เพราะโบราณสถานจำนวนมากทั่วไทย เห็นชัดเจนว่ามีการบูรณปฏิสังขรณ์หลายครั้ง แต่ละครั้งฝีมือช่างทัดเทียมกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง
BANGKOK จากบางมะกอก
วัดอรุณฯ เดิมชื่อวัดมะกอก เป็นวัดในชุมชนบางมะกอก มาแต่ยุคอยุธยา
ชื่อบางมะกอก กร่อนเหลือ บางกอก แล้วเป็น BANGKOK ของชาวตะวันตก ตราบจนทุกวันนี้ มีเพลงร้องง่ายๆ (ฟังได้จากยูทูบ) ดังนี้
เพลง บางกอก
๏ มะกอก ลูกดก
ตกคลอง สองฝั่ง
ชุมชน ชื่อดัง
บางมะกอก แต่นั้นมา
๏ บางมะกอก มีวัดมะกอก
ตั้งแต่ยุค อยุธยา
เนิ่นนาน กาลเวลา
เรียกบางกอก รู้กันดี
๏ ขุดคลองลัด บางกอก
เกิดเมือง ธนบุรี
สืบกรุงเทพฯ ทุกวันนี้
เรียก BANGKOK Thailand
แบ่งปันความรู้ เชิดชูศาสนา
ถือเป็นบรรยากาศดีมากๆ ที่มีข้อทักท้วงถกเถียงตั้งคำถามต่อกรมศิลปากร เรื่องการบูรณปฏิสังขรณ์พระปรางค์วัดอรุณฯ
และยิ่งดีมากๆ เมื่อกรมศิลปากรกระตือรือร้นรวดเร็วอธิบายหลักฐานและหลักการบูรณะโบราณสถานอย่างมีวิชาการเพื่อคลี่คลายข้อเคลือบแคลงสงสัย
เท่ากับมีโดยอัตโนมัติ “แบ่งปันความรู้ เชิดชูศาสนา” ตามที่คุณขรรค์ชัย บุนปาน เครือมติชน ทำตลอดมา
ข้อมูลความรู้เหล่านี้ถ้ามีกิจกรรมแบ่งปันเผยแพร่ตั้งแต่เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์ กระทั่งงานเสร็จมีอีกครั้ง สร้างความเข้าใจร่วมกันทั้งสังคม ข้อขัดแย้งจะไม่มีหรือมีก็ไม่มาก
ครูบาอาจารย์นักวิชาการในสถาบันที่มีการเรียนการสอนเกี่ยวข้องประวัติศาสตร์ โบราณคดี ถ้าลดอัตตาหลงตัวเองให้มาก แล้วมีกิจกรรมแบ่งปันข้อมูลความรู้เพิ่มเติมด้วย จะยิ่งวิเศษ