สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดี มุน แจ อิน ของเกาหลีใต้กล่าวเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมว่า จะไม่มีสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี โดยระบุว่ารัฐบาลกรุงโซลมีอำนาจในการวีโต้ หรือคัดค้านปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกาในการตอบโต้โครงการนิวเคลียร์และมิสไซล์ของเกาหลีเหนือ
ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสูงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจากการที่รัฐบาลเปียงยางทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐอาจตกเป็นเป้าหมายในการโจมตี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกาหลีเหนือข่มขู่ว่าจะยิงจรวดเข้าใส่เกาะกวม ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของสหรัฐ แต่ดูเหมือนว่าจะยกเลิกแผนการดังกล่าวแล้ว ในขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจะให้คำมั่นสัญญาถึงการตอบโต้ด้วย “เปลวไฟและความเดือดดาล” พร้อมระบุว่าอาวุธของรัฐบาลวอชิงตันนั้น “ล็อกเป้าและบรรจุกระสุนไว้แล้ว”
วาทกรรมอันเข้มข้นรุนแรงจากทั้ง 2 ฝ่ายได้ยกระดับความกลัวว่าจะมีการคาดการณ์สถานการณ์ผิดอันนำไปสู่หายนะที่จะตามมา โดยเกาหลีเหนือมีกองกำลังสรรพาวุธปืนใหญ่จำนวนมากที่ประจำการอยู่ในจุดซึ่งสามารถยิงโจมตีกรุงโซลของเกาหลีใต้ ที่มีประชากรนับล้านอาศัยอยู่ได้ แต่นายมุนยืนยันว่า “ผมจะป้องกันสงครามไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม”
ในการแถลงข่าวเนื่องในโอกาสการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ครบรอบ 100 วัน นายมุนเปิดเผยว่า “ผมต้องการให้ชาวเกาหลีใต้ทุกคนเชื่อมั่นว่าจะไม่มีสงครามเกิดขึ้น”
สหรัฐเป็นผู้รับประกันความมั่นคงให้เกาหลีใต้นับตั้งแต่สงครามเกาหลียุติเมื่อปี 2496 ซึ่งส่งผลให้คาบสมุทรแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่ายและในทางเทคนิคถือว่าสงครามยังไม่จบลง เนื่องจากไม่มีการลงนามในสัญญาสงบศึกแต่อย่างใด
โดยมีทหารสหรัฐประจำอยู่ 28,500 นายในเกาหลีใต้เพื่อปกป้องการรุกรานจากเกาหลีเหนือ แต่นายมุนเปิดเผยว่าเกาหลีใต้มีอำนาจในการวีโต้ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลวอชิงตันและนายทรัมป์เห็นพ้องกันแล้วว่า ไม่ว่าจะใช้ทางเลือกเช่นใดกับเกาหลีเหนือ การตัดสินใจทั้งหมดจะมีขึ้นหลังจากหารือและได้รับการเห็นพ้องจากเกาหลีใต้แล้วเท่านั้น
แม้วาทกรรมของนายทรัมป์ได้จุดชนวนให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ผู้สังเกตการณ์ แต่นายมุนปฏิเสธที่จะวิพากษ์วิจารณ์นายทรัมป์ในเรื่องการเลือกใช้คำพูด โดยระบุว่า ผู้นำสหรัฐพยายามที่จะกดดันเกาหลีเหนือด้วยการแสดงความเด็ดขาดในการแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม นายมุนปิดท้ายว่า “ชาวเกาหลีใต้ทั้งหมดได้ทำงานหนักด้วยกันในการฟื้นฟูประเทศจากสงครามเกาหลี เราไม่สามารถสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปกับสงครามอื่นๆ ได้อีกต่อไปแล้ว”