เมื่อวันที่17สิงหาคม2560 จากกรณีที่นายชู สอนสุข อายุ66ปี และนางอู๊ด สอนสุข อายุ60ปี ชาวบ้าน หมู่ที่7 ต.หาดอาษา อ.รรพยา จ.ชัยนาทร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนว่าถูกผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กลั่นแกล้งร้องเรียนว่ารุกที่ป่าบริเวณเขาดินที่ตนปลูกบ้านอยู่ในปัจจุบัน เพราะอีกฝ่ายได้กว้านซื้อที่นารอบบ้านตนแล้วต้องการยึดที่บริเวณดังกล่าวไปเป็นของตนเอง จนตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าอายัดทรัพย์สินทั้งบ้าน รถจักรยานยนต์ รวมทั้งวัวที่เลี้ยงไว้จำนวน13ตัว ทำให้ได้รับความเดือดร้อน จนต้องร้องทุกข์ต่อสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และถวายฎีกาถึงสำนักพระราชวัง ต่อมารองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมลงพื้นที่หาทางช่วยเหลือนั้น
ล่าสุดเวลา18:00น.วันที่16ส.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางอู๊ดว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วย ชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชัยนาท เข้ามาแจ้งว่าจะต้องตัดไฟฟ้า เพราะมีคำสั่งจากส่วนกลางทำให้คุณยายอู๊ดถึงกับงง เพราะว่าจากเดิมที่มีการพูดคุยกับนายธวัชชัย จะอนุโลมให้อาศัยอยู่ในพื้นทีจนกว่าคดีจะสิ้นสุด แต่มาวันนี้ตำรวจกับการไปไฟฟ้าจะรีบเร่งตัดไฟบ้านของตัวเองเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา แต่ผู้ใหญ่บ้านได้ขอไว้เพราะที่บ้านมีเด็ก ที่ต้องอ่านหนังสือ และทำการบ้าน เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจึงยอมถอยแต่บอกว่าจะกลับมาตัดหม้ออย่างแน่นอนในเวลา07:00น.วันที่17ส.ค. ทำให้สงสัยว่าเรื่องนี้มีใบสั่งจากคนมีอำนาจหรือไม่ เพราะว่าคู่กรณีที่ต้องการที่ตรงบริเวณนี้เป็นข้าราชการรระดับสูงคือ ”ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี” ทำให้มีความรู้สึกไม่ปลอดภัย และที่ทราบมาคือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รอง ผบตร.ที่มาติดตามงานด้วยตัวเองก่อนหน้านี้ ได้สั่งการในห้องประชุมว่าให้ยึดทุกอย่างที่ยึดได้ ตนจึงไม่มั่นใจในความยุติธรรมจากการทำงานของตำรวจและหน่วยงาน เพราะปัจจุบันถูกกดดันทุกวิถีทาง จึงอยากวอนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยเพราะคู่กรณีเป็นข้าราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีเอง แต่มารังแกชาวบ้านเพียงเพื่อต้องการฮุบที่สาธารณะเป็นของตัวเอง
ต่อมาเวลา09:00น.วันที่17ส.ค.นางอู๊ดและนายชูได้รับการติดต่อจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชัยนาท ให้เดินทางไปพูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งหลังการพูดคุยนางอู๊ดเปิดเผยว่า ทางการไฟฟ้าฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชัยนาทยืนยันว่าไม่ได้สั่งให้ใครไปตัดไฟฟ้าบ้านของตน พร้อมแนะนำให้เปลี่ยนมิเตอร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่เป็นชื่อบุคคลอื่น เป็นชื่อของนายชูเองเพื่อป้องกันปัญหาการแอบอ้างเพื่อตัดไฟอีก โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการเปลี่ยนมิเตอร์ชุดใหม่ในชื่อของนายชู สอนสุขทันทีโดยมีค่าใช้จ่าย1,900บาท ทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี ครอบครัวของนางอู๊ดและนายชูพร้อมทั้งหลานสาวยังสามารถมีไฟฟ้าใช้ได้โดยถูกต้องหลังได้รับความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วน
