เอ็นจีโอยื่นข้อเสนอเอาผิดขรก.ชายลวนลามลูกจ้าง ปลัดสธ.ลั่นสัปดาห์หน้าตั้งกก.สอบวินัยฯ

ปลัดสธ.รับข้อเรียกร้องเดินหน้าเอาผิดกรณีลวนลามลูกจ้างสาว

กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักสำหรับข้าราชการชายสังกัดกลุ่มงานภารกิจอำนวยการ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาจากกรณีลวนลามและกระทำอนาจารลูกจ้างสาว พร้อมทั้งถ่ายคลิปวิดีโอเข้าแจ้งความดำเนินคดีจนเป็นข่าวโด่งดัง ล่าสุดเจ้าตัวได้เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆนั้น

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 สิงหาคม   นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมด้วย แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง และเครือข่ายชุมชนที่ป้องกันปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง กว่า 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผ่านทาง นพ.โสภณ  เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)  เพื่อเรียกร้องให้ สธ. มีมาตรการแก้ปัญหาการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน สร้างกลไกอย่างเป็นรูปธรรม โดยกรณีข้าราชการในสังกัดสธ.ลวนลามพนักงานหญิง ต้องสาวไปให้ถึงผู้ที่ล็อบบี้ ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง และมีองค์กรที่เป็นกลางร่วมตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรม ป้องกันข้อครหา

​นายจะเด็จ  กล่าวว่า  จากเหตุการณ์ข้าราชการ สธ. ลวนลามคุกคามทางเพศพนักงานหญิง และผู้ที่กระทำเป็นถึงหัวหน้าหน่วยงาน จึงเป็นเรื่องร้ายแรง มีภาพแสดงออกถึงการคุกคามทางเพศชัดเจน กระทำมาตั้งแต่ปี 2557 อีกทั้งไม่ใช่รายเดียวที่ถูกกระทำ และข้าราชการ สธ. ส่วนใหญ่เป็นพนักงานหญิง เหตุการณ์นี้จึงเป็นการทำลายขวัญกำลังใจในการทำงาน และเพื่อให้เกิดกำลังใจแก่ข้าราชการหญิงให้ได้ทำงานต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ทางมูลนิธิฯและองค์กรด้านผู้หญิง อยากทราบความคืบหน้าว่าได้ดำเนินการไปถึงขั้นไหน และขอสนับสนุนท่าทีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ประกาศว่า จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และไม่ให้มีการคุกคามและวิ่งเต้นเพื่อให้ผู้กระทำการคุกคามทางเพศพ้นผิด

Advertisement

นายจะเด็จ กล่าวอีกว่า  ทั้งนี้ มีข้อเสนอต่อกลไกการแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศ ดังนี้ 1. คณะกรรมการสอบสวนวินัย  ทำความจริงให้ปรากฏ ต้องมีความเป็นกลาง โปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกระทำ โดยคณะกรรมการสอบวินัยต้องไม่เป็นหน่วยงานที่ผู้กระทำการคุกคามทางเพศอยู่ในสังกัด และควรมีบุคคลภายนอก องค์กรหรือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งให้มีการลงโทษวินัยขั้นร้ายแรงกับการกระทำผิดของหัวหน้าหน่วยงาน ที่คุกคามทางเพศพนักงานผู้หญิง โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างการสอบสวน  2. กระทรวงสาธารณสุขต้องมีมาตรการ ระบบการติดตามการทำงาน การอบรม และพัฒนาบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้บุคลากรมีทัศนคติที่ดี เคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกายผู้อื่น รวมทั้งขอสนับสนุนให้กระทรวงฯ มีนโยบายในการแก้ไขและป้องกันการคุกคามทางเพศ หากเกิดปัญหาการคุกคามทางเพศขึ้นไม่ว่ากรณีใดๆ ให้มีการลงโทษที่เด็ดขาด และ 3. ควรมีการสร้างพื้นที่ ช่องทาง หรือศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศที่เป็นกลาง ปลอดภัยและให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกคุกคามทางเพศให้สามารถร้องเรียนได้ และ 4.ขอให้มีกระบวนการเยียวยาฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกคุกคามทางเพศ ตลอดจนมีการป้องกันแก้ไขการถูกแทรกแซงหรือคุกคาม

ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำชับว่า เรื่องนี้ใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด ซึ่งกระทรวงไม่นิ่งนอนใจแน่นอน  และกระทรวงฯให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรม ดังนั้น  เมื่อผิดก็ต้องถูกลงโทษ  อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนและสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งมีผู้อำนวยการกลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน โดยในวันนี้ (18 ส.ค.) ได้เรียกข้าราชการชายคนนี้เข้ามาให้ข้อมูล และจะสรุปผลว่ามีมูลหรือไม่มีมูล พร้อมทั้งจะพิจารณาต่อไปว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง ซึ่งจะชัดเจนได้ภายในสัปดาห์หน้า

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีดังกล่าวโดยหลักถือว่าผิดวินัยร้ายแรงได้หรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า ต้องไปพิจารณาจากข้อเท็จจริงว่า มีการกระทำลักษณะนี้ตั้งแต่ปี 2557 อย่างไร เพราะจากการที่ตนได้เข้าพูดคุย และให้กำลังใจกับลูกจ้างก็พบว่า 3ปีก่อนยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่มารุนแรงและหนักขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ จนมีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งก็ต้องไปพิจารณากันว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีการข่มขู่ลูกจ้างจริงเท็จประการใด ก็ต้องตรวจสอบให้หมด

“ผมได้พูดคุยและให้กำลังใจน้องๆแล้ว ซึ่งก็พร้อมให้การช่วยเหลือทั้งหมด และหากจะให้ช่วยเรื่องคดี ทางเราก็ยินดี เพราะเรามีนิติกรคอยให้การช่วยเหลืออยู่ ดังนั้น หากใครจะมาข่มขู่หรือมาล็อบบี้ก็ไม่ต้องไม่กลัว ให้แจ้งมาได้เลย ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน ว่า สรุปแล้วมีการล็อบบี้จริงหรือไม่ อย่างไร  ส่วนที่มีข่าวว่าข้าราชการชายคนนี้อาจจะขอลาออกจากราชการก่อนนั้น จริงๆเรื่องการสอบสวนทางวินัยเป็นคนละกรณี  อย่างไรก็เสียก็ต้องถูกสอบสวนอยู่ดี ขณะที่เรื่องทางอาญาก็เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป” นพ.โสภณ กล่าว

ปลัดสธ. กล่าวอีกว่า  ทั้งนี้ อยากขอย้ำกรณีสื่อมวลชนที่พยายามจะขอสัมภาษณ์ หรือติดต่อลูกจ้าง อยากให้ระมัดระวังในการนำเสนอข่าว และการเข้ามาขอสัมภาษณ์ เพราะที่ผ่านมามีการเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต ทำให้น้องๆหวาดกลัว ไม่อยากถูกจับตามองขนาดนี้ ซึ่งอยากให้เข้าใจความเป็นลูกผู้หญิง หากเรามีลูกมีหลาน หรือมีน้องสาว ถูกกระทำเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนอยากจะเป็นข่าว ที่ออกมาเป็นข่าวเพราะความจำเป็น แต่ขณะนี้ก็ขอให้อยู่ในกระบวนการดีกว่า ขณะที่คนอื่นๆที่ถูกพาดพิงนั้นก็ขอให้รอผลการตรวจสอบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image