วันที่ 18 สิงหาคม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่จ.ร้อยเอ็ด และ จ.ชัยภูมิ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเสนอแผนงานโครงการของกระทรวงเกษตรฯในพัฒนาพื้นที่ภาคอีสานด้านการเกษตร ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร วันที่ 21– 22 สิงหาคมนี้ ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงใหญ่ข้าว ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปข้าว ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่าในการประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ภาคอีสาน วางเป้าหมาย พัฒนาอีสานสู่มิติใหม่ “ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” แต่ด้วยพื้นที่ภาคอีสาน มีปัญหาด้านการเกษตร เช่น ขาดแคลนแหล่งน้ำ ทำการเกษตรแบบเดิมผลผลิตได้ต่ำ และ ขาดการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร กระทรวงเกษตรฯ จึงกำหนดแผนการดำเนินการ 7 ด้าน คือ 1.บริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ 2.การยึดคืนพื้นที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พร้อมจัดสรรให้เกษตรกรยากไร้ 3.ส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ 4.เพื่อเพิ่มรายได้/ผลผลิต 5.หนุนทำการเกษตรแปลงใหญ่ 6. พัฒนาเกษตรอินทรีย์ 7.ทำโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนและวางรากฐานการพัฒนาภาคเกษตร
ทั้งนี้ หากสินค้าเกษตรได้รับการแปรรูปจะเพิ่มมูลค่าได้มาก เช่น ข้าวขาวดอกมะลิ แปรรูป เพิ่มมูลค่าจาก 13 – 18 บาท/กิโลกรัม (กก.) เป็น 35 – 60 บาท/กก. ข้าว แปรรูปเป็นน้ำข้าวกล้องงอก เพิ่มมูลค่าจาก20-25 บาท/กก.เป็น 250 บาท/กก.โดยตลาดรองรับ คือ ประเทศกลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ ลาว กัมพูชา และ เวียดนาม ซึ่งรัฐบาลจะเชื่อมโยงทั้งเส้นทางคมนาคมและเส้นทางการค้า
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯยังเตรียมเสนอแผนการปรับปรุงพนังกั้นน้ำชี ซึ่งชำรุดจากน้ำกัดเซาะ เนื่องจากมีความสูงไม่มาก ทำให้น้ำไหลล้นข้ามไป ทางกรมชลประทาน ได้วางแผนในการเสริมความสูง และอุดรอยรั่วซึมพนังกั้นน้ำ พร้อมปรับปรุงประตูระบายาน้ำ 7 แห่ง งบประมาณ 990 ล้านบาท ดำเนินการปี 2561-63 เพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ 327,500ไร่ โดยจะนำเสนอครม.สัญจร วันที่ 21-22 สิงหาคมนี้
