กำลังจะเปิดฉากอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 สิงหาคม 2560 ที่สนามกีฬาแห่งชาติบูกิต จาลิล กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก่อนที่ทัพนักกีฬาจาก 11 ชาติสมาชิกอาเซียนจะชิงชัยความเป็นเจ้ากีฬาในภูมิภาคไปจนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2560
ตลอด 28 ครั้งที่ผ่านมาของกีฬาซีเกมส์ เป็นทัพนักกีฬาจากแดนอิเหนาครองบัลลังก์เจ้าเหรียญทองมากที่สุด 10 ครั้ง รองลงมาเป็นทัพไทย 7 ครั้ง ขณะที่มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ครองไปชาติละ 1 ครั้ง
แต่ทัพนักกีฬาจากไทยกลับเป็นชาติที่คว้าเหรียญทองไปครองมากที่สุด 2,089 ทอง 1,742 เงิน 1,727 ทองแดง รวมคว้าไปแล้ว 5,558 เหรียญ จากเหรียญรางวัลรวม 28 ครั้ง 8,079 ทอง 7,989 เงิน 9,668 ทองแดง รวม 25,736 เหรียญรางวัล ขณะที่ทัพนักกีฬาอินโดนีเซียที่ครองเจ้าเหรียญทองไปมากที่สุดกลับคว้าไป 1,714 ทอง 1,558 เงิน และ 1,580 ทองแดง ส่วนอันดับ 3-11 เรียงตามลำดับ ได้แก่ มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เวียดนาม, พม่า, ลาว, กัมพูชา, บรูไน และติมอร์ เลสเต
กัวลาลัมเปอร์ 2017 หรือ เคแอลเกมส์ ครั้งนี้ ทัพนักกีฬาไทยส่งเข้าร่วมครบ 38 ชนิดกีฬา จำนวน 805 คน พร้อมกับตั้งเป้าหมายร่วมกันไว้ที่ 109 เหรียญทอง ดังต่อไปนี้ กรีฑา 79 คน ตั้งเป้า 14 ทอง / ว่ายน้ำ 23 คน กระโดดน้ำ 5 คน ว่ายน้ำมาราธอน 3 คน (ซ้ำกับนักกีฬาว่ายน้ำ 1 คน) โปโลน้ำชาย 13 คน หญิง 13 คน ระบำใต้น้ำ 12 คน ตั้งเป้ารวมกัน 5 ทอง / ขี่ม้า 14 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / ตะกร้อชาย 18 คน หญิง 8 คน ชินลง 12 คน ตั้งเป้าร่วมกัน 6 ทอง (ตะกร้อ 4 ทอง ชินลง 2 ทอง) / ยิงธนู 16 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / โบว์ลิ่ง 12 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / กอล์ฟ 7 คน ตั้งเป้า 4 ทอง / วินด์เซิร์ฟ 2 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / ฟันดาบ 12 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / คาราเต้ 14 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / เปตอง 16 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / ยูโด 6 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / ลอนโบว์ล 20 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / วูซู 7 คน ตั้งเป้า 1 ทอง ยกน้ำหนัก 5 คน ตั้งเป้า 1 ทอง / เทเบิลเทนนิส 10 คน ตั้งเป้า 1 ทอง / ยิงปืน 22 คน ตั้งเป้า 5 ทอง
มวยไทย 5 คน ตั้งเป้า 5 ทอง / คิวสปอร์ต 8 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / ฟิกเกอร์สเก๊ตและสปีดสเก๊ตติ้ง 12 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / วอลเลย์บอลชาย 12 คน หญิง 12 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / ยิมนาสติกศิลป์ 11 คน ลีลา 4 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / เรือใบ 20 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / เทนนิส 10 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / มวยสากลสมัครเล่น 6 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / ฮอกกี้น้ำแข็ง 20 คน ตั้งเป้า 1 ทอง / จักรยาน 32 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / คริกเกต ทีมชาย 15 คน หญิง 15 คน ตั้งเป้า 1 ทอง / รักบี้ ทีมชาย 12 คน ทีมหญิง 12 คน ตั้งเป้า 1 ทอง
เอ็กซ์ตรีม 11 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / ฮอกกี้กลางแจ้ง ทีมชาย 18 คน ทีมหญิง 18 คน ในร่ม 12 คน ตั้งเป้า 1 ทอง / ปันจักสีลัต 26 คน ตั้งเป้า 4 ทอง / เทควันโด 12 คน ตั้งเป้า 5 ทอง / ขี่ม้าโปโล 7 คน ตั้งเป้า 1 ทอง / แบดมินตัน 20 คน ตั้งเป้า 2 ทอง / ยิงเป้าบิน 6 คน ตั้งเป้า 3 ทอง / ฟุตบอล ทีมชาย 20 คน ทีมหญิง 20 คน ฟุตซอล ทีมชาย 14 คน ทีมหญิง 14 คน ตั้งเป้าร่วมกัน 4 ทอง ส่วน สควอช 13 คน / ไตรกีฬา 3 คน บาสเกตบอล ทีมชาย 12 คน ทีมหญิง 12 คน / เนตบอล 12 คน ไม่ตั้งเป้าหมาย
เมื่อวิเคราะห์ในแต่ละชนิดกีฬาที่อยู่ในกระแสน่าสนใจแล้ว เริ่มจาก กรีฑา แน่นอนว่าไฮไลต์อยู่ที่การชิงเจ้าลมกรดชาย-หญิง ซึ่งไทยได้ลุ้นเหรียญทองทั้ง 2 รายการ ฝ่ายชายเป็น มิ้ว จิระพงศ์ มีนาพระ ลมกรดหนุ่มจาก จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนฝ่ายหญิงหนีไม่พ้น ก้อย ทัศพร วรรณกิจ ลมกรดสาววัย 27 จาก จ.บุรีรัมย์ เช่นเดียวกับไฮไลต์แห่งศักดิ์ศรีของกรีฑาอย่างทีมไต้ฝุ่นวิ่ง 4×100 เมตรชาย-หญิง ไทยยังตัวเต็ง ฝ่ายชายจะมีจิระพงศ์ที่น่าจะวิ่งไม้สุดท้าย ผนึกกำลังกับ รัตนพล โสวัน, กฤษฎา นามสุวรรณ, จรัญ สะเทิงรัมย์ หรือ ศิริพล พันธ์แพ ขณะที่ทีมไต้ฝุ่น 4×100 เมตรสาว จะมีทัศพรเป็นตัวหลักเหมือนเช่นเคย ว่ายน้ำ อยากให้จับตาดูการคัมแบ๊กคืนสระในรอบ 2 ปีของ เจมส์บอนด์ ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ ฉลามหนุ่มจาก จ.เชียงใหม่ หลังจากไม่ผ่านการตรวจโด๊ปเมื่อ 2 ปีก่อน ครั้งนี้หวังที่จะมาทวงเหรียญทองท่าถนัดประเภทกบ 100 เมตร และ 200 เมตร รวมถึงทีมโปโลน้ำสาวไทยที่คุมทีมโดยกุนซือสาวกรี๊ดอย่าง ดานิเอเล่ เฟอร์รี่ หนุ่มหล่อชาวอิตาเลียน ที่จะนำทีมสาวไทยวัดกับคู่ปรับ สิงคโปร์ รองแชมป์หนที่แล้ว ตะกร้อ เป็นกีฬาที่ไทยต้องเหมาให้ครบทุกประเภทที่ส่งแข่งขันคือ ทีมชุดชาย-หญิง และทีม 4 คนชาย-หญิง ซึ่งน่าจะแบเบอร์นอนมาแต่ไกลมีเพียง มาเลเซีย ในฝ่ายชาย และ เวียดนาม ในฝ่ายหญิงเท่านั้นที่เป็นขวากหนาม แต่คงไม่ทำให้ทีมไทยเครื่องสั่น
ส่วนเหรียญแห่งศักดิ์ศรีทีมเดี่ยวชาย ไทยไม่ส่งทีมเข้าแข่งขันตามคำขอเหรียญทองของเจ้าภาพชนิดกล้าขอกล้าให้ โบว์ลิ่ง ได้ลุ้นเหรียญทองจาก โจ้ ญาณพล ลาภอาภารัตน์ หนุ่มวัย 33 ชาว จ.นครปฐม เจ้าของเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่จะล่าเหรียญทองชายเดี่ยวในซีเกมส์คราวนี้แต่มีนักทอยแก่นเจ้าถิ่นเป็นกระดูกชิ้นโตขวางอยู่ กอล์ฟ ไทยครองเจ้ามาเกือบตลอดในระยะหลังคราวนี้นำทีมโดย น้องจีน อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 14 ปีจากไทยที่เพิ่งคว้าแชมป์กอล์ฟอาชีพของรายการเลดี้ส์ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งสำหรับบุคคลหญิง และช่วยทีมสะวิงสาวไทยผงาดป้องแชมป์ได้อีกสมัย
วินด์เซิร์ฟ มีมือดีอย่าง ดาว ศิริพร แก้วดวงงาม โต้คลื่นสาววัย 22 เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 2011 และยูธ โอลิมปิก 2010 รวมถึงรองแชมป์เยาวชนโลก เป็นเครื่องการันตีว่าเหรียญทองนี้ไม่น่าพลาด เทเบิลเทนนิส หญิง สุธาสินี เสวตรบุตร ลูกเด้งสาวพูดน้อยจาก จ.ระนอง จะป้องกันแชมป์หลังจากเมื่อ 2 ปีก่อนสร้างความฮือฮาปราบมือโลก เฟ็ง เทียน เหว่ย จากสิงคโปร์มา และคู่นี้น่าจะได้ปะทะกันอีกครั้งในรอบชิงหญิงเดี่ยวคราวนี้ วอลเลย์บอลหญิง ที่ขนชุดใหญ่มาเล่น อาทิ อัจฉราพร คงยศ, หัตถยา บำรุงสุข, นุศรา ต้อมคำ, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, พรพรรณ เกิดปราชญ์, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ ฯลฯ จะได้แชมป์แบบไร้คู่ต่อกร
ส่วนทีมชายคงต้องลุ้นกันเหนื่อย มวยสากล สมาคมตั้งเป้าไว้ 3 ทองจากเสื้อกล้ามตัวเก๋าอย่าง เอ็ม วุฒิชัย มาสุข รุ่น 64 กก., สด ฉัตร์ชัย บุตรดี รุ่น 56 กก. และ ธเนศ องค์จันทร์ต๊ะ รุ่น 48 กก. แต่ดูแล้วมีแค่ 2 รายที่น่าไปถึงเหรียญทองคือ วุฒิชัย กับฉัตร์ชัย แค่นั้น เพราะรุ่นเล็กผ่านกำปั้นตากาล็อกยาก จักรยาน ไฮไลต์อยู่ที่ บีช จุฑาธิป มณีพันธุ์ เจ้าของแชมป์โร้ดเรซเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ครั้งนี้น่าจะแหกด่านเล่ห์เหลี่ยมของเจ้าภาพผงาดคว้าทองได้แม้สภาพร่างกายไม่พร้อมเต็มร้อย เทควันโด 2 จอมเตะฮีโร่จากโอลิมปิกเกมส์ 2016 อย่าง เทม เทวินทร์ หาญปราบ กับ เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หากไม่มีอะไรผิดพลาดหรือไปเจ็บก่อนหน้าซีเกมส์จากศึกซ้ำซ้อนอย่างกีฬามหาวิทยาลัยโลกที่ไต้หวัน ไม่น่าพลาดทอง
แบดมินตัน อยากให้จับตามอง ครีม บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ นักตบมือดีจากค่ายบางโพ ที่จะลงป้องกันแชมป์หญิงเดี่ยวซีเกมส์ในฐานะมือวาง 1 ของรายการ ดังนั้นแชมป์จึงไม่น่าหลุดมือ ปิดท้ายที่กีฬามหาชนอย่าง ฟุตบอล และ ฟุตซอล ในส่วนฟุตบอลหญิง รวมถึงโต๊ะเล็กชาย-หญิง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงคงจะเก็บได้ครบ 3 ทอง แต่ในส่วนแชมป์แห่งศักดิ์ศรีอย่างฟุตบอลชาย ซึ่ง ช้างศึก เป็นแชมป์เก่านั้น หากเล่นกันได้แค่นัดเปิดหัวเสมอ อินโดนีเซีย 1-1 น่าจะทำให้วงการลูกหนังไทยลุกเป็นไฟอีกรอบแน่นอน…!!!
นี่เป็นแค่ออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยต้อนรับบรรยากาศ ซีเกมส์ 2017 เท่านั้น ของจริงมีให้แฟนกีฬาติดตามระหว่างวันที่ 19-30 สิงหาคมนี้…