จากใจ ‘เบลล่า’ ถึง ‘พิมาลา’ และเหตุผลที่ว่า ทำไมละครทำให้เธอ ‘เป็นคนดีขึ้น’

ขึ้นแท่นเป็นนางเอกเบอร์ต้นๆของช่อง เพราะลงละครเรื่องไหนก็เปรี้ยงทุกครั้ง สำหรับเบลล่า-ราณี แคมเปน

โดยล่าสุดเธอได้รับบท ‘พิมาลา’ ในละคร ‘เพลิงบุญ’ หญิงสาวเรียบร้อยตามฉบับหญิงไทยที่ต้องมาเจอปัญหาครอบครัวแบบหนักหน่วง ถึงขนาดที่ตอนอ่านบท คนจะเล่นยังรู้สึก “โอ้โห นี่หรือคือสิ่งที่คนคนหนึ่งจะต้องเจอ”

ก่อนจะเล่าถึงการตัดสินใจรับบทที่ ‘หนัก’ และ ‘ยากมาก’ ว่า เป็นเพราะความคิดในใจว่า เมื่อได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ ก็ไม่ควรละความพยายามไปง่ายๆ

“มันเป็นความยากที่ถ้าเราทำได้ เราก็ภูมิใจในตัวเอง”

Advertisement

ทั้งนี้กับบท ‘พิมาลา’ เบลล่าบอกว่า ต้องใช้อินเนอร์ ใช้พลังข้างในค่อนข้างเยอะ

“เหนื่อยมาก มันต้องเล่นอยู่ตลอด สายตาต้องชัด ต้องสื่อให้คนดูรู้ว่าความจริงพิมคิดอะไรอยู่”

หากถึงจะเหนื่อยและยากแค่ไหน คำว่า ‘ถอดใจ’ ก็ไม่ได้อยู่ในสารบบของความคิด

ก่อนเล่าถึงหนึ่งในบรรดาฉากยากๆ ‘ฉากหิน’ ว่าคือฉากเปิดตัวละครที่ ‘พิมาลา’ ต้องไปเจอ ‘ฤกษ์’ (ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) กับ ‘ใจเริง’ (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ) ที่เป็นสามีและเพื่อนสนิทของเธออยู่บนเตียงด้วยกัน

“เป็นฉากที่เราจะต้องคุมซีนนี้ แล้วมันเป็นตอนหนึ่ง ฉากหนึ่ง เป็นฉากแรกที่คนจะได้ดูละครเรื่องเพลิงบุญ ซึ่งนี่คือหน้าที่รับผิดชอบที่เราจะต้องทำ เราต้องเอาอยู่”

‘พี่ฤกษ์ เพื่อนก็ชั่วผัวก็เลว’ คือคำพูดทั้งหมดของเธอ ที่มีในฉากอันยาวนานนี้ หลังจากนั้นก็เป็นการระเบิดอารมณ์ความเสียใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่โลกสลาย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าค่ำคืนก่อนเข้าฉากนี้ ก็ทำให้เธอถึงกับนอนไม่หลับ

“ถ้าจำไม่ผิดเล่นประมาณ 3 เทค ที่เป็นเล่นทั้งฉาก แล้วก็ร้องไห้ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เทค 1- 3 โดยที่ไม่ออกมาเลย”

“ใช้เวลาน่าจะเกือบชั่วโมง”

แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยไม่น้อย เพราะเมื่อละครออกอากาศ เบลล่าก็ได้รับคำชมไปอย่างล้นหลามในฉากนี้ ซึ่งเธอก็บอกพร้อมรอยยิ้มหวานๆว่า “ขอบคุณมากเลยค่ะ”

“เราอยากเป็นพิมให้ดีที่สุด ให้คนดูเชื่อว่าเราเป็นตัวละครนี้จริงๆ เราเลยสุดมาก ปล่อยตัวเองให้มันสุดไปเลย ไม่มีคำว่าห่วงสวย”

ซึ่งความทุ่มสุดตัวแบบนี้ก็ทำเอาพระเอกของเรื่องเกือบโดนถีบแบบไม่รู้ตัวมาแล้ว

“พี่ป้องมาบอกหนูทีหลัง” เธอเล่าอย่างอารมณ์ดี

ก่อนจะว่า การที่ต้องมาร่วมงานกับตัวพ่อตัวแม่ อย่าง เจนี่ และ ป้องนั้น จะว่าไป เมื่อเทียบประสบการณ์ที่มีแล้ว เธอก็เหมือนเป็นเด็กน้อย เป็นลูกกระจ๊อกมาก

“แต่ว่านี่แหละคือเหตุผลที่เราต้องพยายาม และทำการบ้านเยอะมาก”

ยังเล่าถึงการทำงานกับพระเอกของเรื่องให้ฟังว่า ป้องเป็นผู้ชายที่เฟรนด์ลี่ และเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมาก

“วันแรกที่มากองก็เหมือนสนิทกับหนู อย่างนี้ได้เลยหรอพี่ป้อง เหมือนรู้จักกันมานานมาก” เล่าพลางหัวเราะ

และยังบอกว่านี่คือข้อดีและความน่ารักของผู้ชายคนนี้

“เบลกับพี่ป้องจะมีฉากที่พูดกันยาวมาก และค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่เป็นสามีภรรยากัน หรือมีฉากทะเลาะกัน พี่ป้องจะมาชวนต่อบทด้วยตลอด”

“เวลาเข้าด้วยกันก็เลยรู้สึกได้ว่าเป็นสามีภรรยากัน มีความสนิทสนมกัน”

ส่วนการได้ร่วมงานกับเจนี่ เป็นครั้งแรกนั้น เธอก็ว่าแอบเกร็งและมีความกังวลไปต่างๆ นานา

“กลัวว่า แบบ…พี่เจนจะคุยกับเรารึเปล่า”

“สุดท้ายแล้วพี่เจนน่ารักและก็เป็นกันเอง ทำให้เรารู้สึกว่าไม่เกร็ง”

“พี่เขาบอก เบลเต็มที่เลย ไม่ต้องห่วงเลย เราก็สบายใจ ก็ส่งไปเต็มที่ เหมือนที่เรารับกลับมา”

สุดท้ายเธอก็บอกว่าละครเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ขอให้คนดูตัดสิน แต่ก็ “หวังว่าจะชอบกัน”

อย่างไรก็ตาม กับการเป็นนางเอกละคร งานที่มีหลายคนมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ น้ำเน่า แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าเธอเองได้แง่คิดจากการทำงานตรงนี้ไม่น้อย

“เบลรู้สึกว่าการเล่นละครเราได้เป็นหลายๆอย่างที่ในชีวิตจริงไม่มีทางได้เป็น ได้รู้จักกับคนหลายๆประเภท มันทำให้เบลรู้สึกเข้าใจผู้คน เข้าใจโลกมากขึ้น แล้วก็มองคนอย่างเปิดกว้าง ใจกว้างมากขึ้น”

“จากที่เด็กๆอาจจะคิดว่าทำไมอย่างนู้น ทำไมอย่างนี้ หรือ…โหย เหนื่อยแล้วอะ ถ่ายรูปอยู่ได้ อะไรอย่างนีี้ เวลาเราเหนื่อยมันคือการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต้พอได้เรียนรู้คนมากยิ่งขึ้น ทำให้เบลใจเย็นมากขึ้น”

นางเอกคนดังยังบอกอีกว่า สำหรับเธอแล้ว ส่วนที่ดีที่สุดของการได้มาเป็นนักแสดงอย่างทุกวันนี้ คือ “ทำให้เบลกลายเป็นคนที่ดีขึ้น”

“ทำให้เราโตขึ้นมากๆ เมื่อก่อนเบลเป็นคนใจร้อน แต่ว่าพอได้มาเล่นละคร เบลใจเย็นขึ้น”

เพราะละครนั้นมีความเชื่อมโยงกับธรรมะเบาๆ ทั้งยังมีข้อคิดให้ได้คิดตามอยู่เสมอ

“เวลาเล่นละคร เราต้องอยู่กับปัจจุบันในซีนๆนั้น จะไม่คิดว่าฉากที่แล้วเราเล่นไม่เต็มที่ จะไม่คิดถึงมันแล้ว หรือจะยังติดใจกับฉากนั้น ก็ไม่ได้ ต้องสลัดทิ้ง”

“ซึ่งก็เอามาใช้ด้วยกันได้หลายอย่าง”

“มันลึกไปไหม” พูดแล้วเธอก็หันมาย้อนถามแบบยิ้มๆ ก่อนยืนยัน “แต่นี่เป็นสิ่งที่รู้สึกจริงๆนะ”

กับชื่อเสียงเสียงในวงการบันเทิง ที่แม้ว่าจะโด่งดังมีแฟนคลับมากมายขนาดนี้ แต่เบลล่าบอก “เบลไม่เคยมองว่าตัวเองเก่ง หรือว่ามาได้ไกล”

“แค่อยากเก่งขึ้น”

ถามว่าทุกวันนี้ ‘พอใจแล้วไหม’ เธอก็ว่า “พอใจ แต่ก็ยังอยากให้มันดีไปเรื่อยๆ อยากทำสิ่งนี้ไปเรื่อยๆ เพราะว่ามันไม่มีจุดสิ้นสุด”

“พูดง่ายๆ เราอยากเก่ง อยากทำงานที่ได้รับมาทุกชิ้นให้ดี  อยากเล่นได้ทุกอย่าง ไม่ได้จำกัดตัวเองว่าถนัดทางไหน”

ส่วนเรื่องรางวัลที่การันตีความสามารถนั้น บอกชัดเจน “ไม่คิดค่ะ”

“รางวัลทำให้เราดีใจ ภูมิใจ ถ้าผลงานของเราไปเข้าตากรรมการ หรือมีคนโหวต แต่เบลว่ารางวัลไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ รักในสิ่งที่เราทำ แล้วเรายังอยากทำไปเรื่อยๆ ตรงนี้สำคัญกว่า”

รวมถีงเรื่องที่ “คนดูก็ยังอยากดูเรา และชอบละครเรา”

นี่ละสำคัญที่่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image