นักวิชาการ โต้ กอ.รส.เชียงใหม่ บิดเบือน ชี้ ทหารเข้ามาป่วนงานไทยศึกษาก่อน

ขอบคุณภาพจาก https://waymagazine.org/

กรณีรองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งความกับสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกได้ออกหมายเรียกให้ผู้จัดการประชุมและผู้เข้าร่วมประชุมวิชาการไทยศึกษานานาชาติ ครั้งที่ 13 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรื่องการมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป โดยเมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเวลา 21.00 น.ของวันเดียวกัน กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงใหม่ ส่งหนังสือชี้แจงต่อกรณีการแจ้งความนักวิชาการและนักศึกษารวม 5 คน โดยย้ำว่าเป็นการแจ้งความต่อบุคคลที่กระทำความผิด ด้วยการชูป้าย แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง มิใช่การแจ้งความเอาผิดต่อการประชุมวิชาการนานาชาติไทยคดี ครั้งที่ 13 แต่อย่างใด (คลิกอ่านข่าวชี้แจงที่นี่)

ด้าน รศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี นักวิชาการจากภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า มณฑลทหารบกที่ 33 ออกแถลงการณ์และส่งให้สื่อมวลชนตอน 3 ทุ่ม เป็นการใช้ยุทธวิธีแยกมหาลัยออกจากตัวผู้ถูกกล่าวหา 5 คน เพื่อลดแรงกดดันจากประชาคมวิชาการไทย และนานาชาติ บิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องป้าย “เวทีวิชาการ ไม่ใช่ค่ายทหาร” ผลักความผิดไปให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 คน โดดเดี่ยวพวกเขาจากการปกป้องของมหาลัย และประชาคมวิชาการ และปัดความรับผิดชอบที่ตัวเองมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้

รศ.ดร.ปิ่นแก้วระบุว่า ยุทธวิธีประเภทนี้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวลง สิ่งที่แถลงการณ์ไม่ได้พูดถึง และโกหกอย่างซึ่งหน้าคือ 1.ป้าย “เวทีวิชาการ ไม่ใช่ค่ายทหาร” ถูกนำมาติดในวันสุดท้าย ไม่เคยมีป้ายนี้มาก่อนตลอดงานประชุม และเป็นผลมาจากการที่ทหารเข้ามาป่วนในงาน แย่งเก้าอี้ หูฟังแปลภาษาอังกฤษ-ไทย ถ่ายรูปสอดแนมผู้เสนอบทความ ราวกับเป็นสมรภูมิการเมือง ตลอดสามวันของการประชุมไทยศึกษา 2.เหล่าทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบที่เข้ามาป่วนงาน ไม่มีการลงทะเบียน ไม่มีการแจ้งผู้จัดงาน เข้ามาก่อกวนตามอำเภอใจ ราวกับเป็นพื้นที่ทหาร ทั้งที่งานประชุมครั้งนี้ไม่ใช่งานเปิดสาธารณะ เป็นงานประชุมนานาชาติที่ผู้เข้าร่วมทั้งไทยและเทศต้องจ่ายเงินลงทะเบียนมาเข้าฟัง หากไม่ได้รับเชิญจากผู้จัดงาน 3.ตลอดสามวันของการประชุมวิชาการ ผู้เข้าร่วมประชุมต่างเอือมระอาต่อการกระทำของทหารเหล่านี้ การมาถ่ายรูปกับป้ายดังกล่าว และเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ในวันสุดท้าย ก็เพื่อจะสื่อสารไปยังทหาร ให้ยุติการกระทำนั้นเสีย ไม่มีการยุยงปลุกปั่นใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีทหารคนไหนสื่อสารกับใครในงานดังที่แถลงการณ์กล่าวแต่อย่างใด

รศ.ดร.ปิ่นแก้วกล่าวทิ้งท้ายว่า “น่าแปลกที่มูลเหตุของเรื่องทั้งหมด เกิดขึ้นจากการกระทำของทหารจากมณฑลทหารบกที่ 33 โดยแท้ แต่ฝ่ายทหารกลับไม่ยอมรับ กลับปั้นแต่งเรื่องราวขึ้น เพื่อจ้องจะเล่นงานนักวิชาการ นักกิจกรรม และนักศึกษา อย่างไม่ลดราวาศอก และจงใจที่จะให้เรื่องนี้เป็นชนวนทางการเมืองให้ได้?”

Advertisement

ด้านโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ทหารขณะเดินเข้าไปในงานประชุมวิชาการไทยศึกษานานาชาติ ครั้งที่ 13 ที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้ถูกบันทึกภาพไว้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image