คะแนน การเมือง ของ รัฐบาล และ คสช. กับ’25 สิงหาคม’

เหตุปัจจัยอะไรทำให้เกิดความคิด ความรู้สึก ไม่อยากให้มี “เลือกตั้ง” ในกลุ่มที่เคยปูทางและสร้างเงื่อนไขให้ “คสช.” ขึ้นมามีอำนาจหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

1 ปัจจัยที่สัมผัสได้จาก “กรณี 25 สิงหาคม”

1 ปัจจัยจากที่รับรู้ผ่านการสำรวจความรู้สึกประชาชนของ “กรุงเทพโพล” ภายใต้หัวข้อ “ประเมินผลงาน 3 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

การได้คะแนนเฉลี่ย 5.27 จากคะแนนเต็ม 10 ก็หวาดเสียวอย่างยิ่งแล้ว

Advertisement

แต่เมื่อลงลึกไปยังแต่ละคำถามอันเป็นรายละเอียด ไม่ว่าจะด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะด้านการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะด้านสังคมและคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะด้านการต่างประเทศ ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจคะแนนล้วนลดลง

เท่ากับชี้ว่า 3 ปีมิเป็นการสูญเปล่าหรือ

เมื่อ 3 ปีเศษภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินในความรับผิดชอบโดย คสช.เป็นเช่นนี้ เมื่อมาประสบกับการแสดงออกของชาวบ้านโดยรวมศูนย์ไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใน “กรณี 25 สิงหาคม”

Advertisement

ยิ่งก่อความหวั่นไหวให้กลายเป็นโรคระบาด

มาตรการต่างๆ ที่อัดลงไปโดย 1 คสช.ผ่าน กกล.รส. 4 กองทัพภาค 1 กระทรวงมหาดไทยผ่าน 7 มาตรการไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสานเข้ากับ 1 แผนกรกฎ 52 ของตำรวจ

ยิ่งสะท้อน “รูปธรรม” แห่งความหวาดกลัว

“จากการข่าวพบว่า ขยับกันทั้งประเทศ มีการระดมคน ชักชวนกันมา ปากต่อปาก ชวนกันมาจังหวัดละ 10-20 คนทั้งประเทศ มีเพียง 10 จังหวัดเท่านั้นที่ระดมคนมา ที่เหลือมากันหมด

“แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มไหน ใส่เสื้อสีแดงหรือไม่”

การที่การขยายกำลังพลจาก 17 กองร้อยเป็น 24 กองร้อย นั่นคือจาก 2,505 นาย เป็น 3,600 นาย เท่ากับเป็นรูปธรรมแห่งความไม่ประมาท

ก็ในเมื่อ “กรณี 25 สิงหาคม” คือ การอ่านคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว แม้ตำรวจไม่ได้ระบุว่าการระดมคนมาจากกลุ่มไหน ใส่เสื้อสีแดงหรือไม่

ก็ไม่ยากที่จะคาดเดา

เพราะเป้าหมายของการประกบติดแกนนำ 1 คือภาคเหนือ ดังกรณีอันเกิดขึ้นที่เชียงใหม่ 1 คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังกรณีวิทยุสั่งการที่อุดรธานี

ย่อมชัดว่าเป็นกลุ่มการเมืองใด

แต่ในเมื่อพรรคเพื่อไทยก็ยืนยันว่าไม่มีการปลุกระดม ขณะเดียวกัน นปช.ก็ยืนยันว่าไม่มีการจัดตั้งไม่มีการเกณฑ์คน

หากแต่เป็นเรื่องของ “ความสมัครใจ”

มาตรการต่างๆ อันขับเคลื่อนและดำเนินการโดย 1 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย 1 กระทรวงมหาดไทย และ 1 ตำรวจ

ก็แทบจะพุ่งไปใน “ความว่างเปล่า”

เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เงียบสงบอยู่ในบ้านซอยโยธินพัฒนา 3 เพราะพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีการขยับ เพราะ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็มิได้ทำอะไร

ทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ถูกจำขัง ณ เรือนจำคลองเปรม

อาจกล่าวได้ว่า “กรณี 25 สิงหาคม” เป็นงานที่หนักหนาสาหัสในความรับผิดชอบของสำนักงานเลขาธิการ คสช.ของกระทรวงมหาดไทย และของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เพราะเป็นการต่อสู้ภายใน “ความเงียบ”

เป็นความเงียบ เป็นความสงบ ที่รู้อยู่ว่ามีความไม่พอใจคุกรุ่น และคะแนนนิยมของ คสช.และรัฐบาลก็ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง

ทั้งไม่รู้ว่าหากเลื่อน “การเลือกตั้ง” ออกไป ผลจะเป็นเช่นใด”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image