เปิดอก ดร.หนุ่ม “โอม-วิชญะ” ลูกชาย วิษณุ ตำแหน่งที่ปรึกษา ป.ย.ป. ไม่ได้มาเพราะบารมีพ่อ

หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นนักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรมและจริยธรรม ในสปท. จนล่าสุด ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้ชักชวนเข้าร่วมคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมาย ในป.ย.ป.ทำให้ชื่อของ ดร.วิชญะ เครืองาม หรือ “โอม” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ศ.เกียรติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายของรัฐบาล คสช. ถูกจับตามองไม่น้อย

แต่ใช่ว่า หนุ่มโอม จะเป็นหน้าใหม่ในวงการกฎหมายไทย หนุ่มมาดสุขุมคนนี้ ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อคนนี้ จบ ดร. ด้านกฎหมายจาก University of California, Berkeley มหาวิทยาลัยเดียวกับพ่อของเขา ด้วยวัยเพียง 25 ปี ก่อนเข้าทำงานที่ บริษัท ไวท์ แอนด์ เคส (ประเทศไทย) จำกัด จากนั้นเริ่มเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ก่อนจะย้ายมาทำงานที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญงานรัฐกิจสัมพันธ์ นอกจากนี้ ยังมีชื่อในบริษัทชั้นนำและหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมาย

ซึ่งมติชนออนไลน์ ได้นำเอาบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่ง ที่พิมพ์ลงในมติชนสุดสัปดาห์ มาให้ได้รู้จักตัวตน

@ โตมาในครอบครัวที่มีการเลี้ยงดูแบบไหน

Advertisement

ที่บ้านเป็นข้าราชการไม่ใช่นักการเมือง สมัยผมยังเด็กคุณพ่อเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย คุณแม่เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ อาเป็นหมอ อีกคนเป็นอาจารย์ น้าเป็นผู้พิพากษา ตอนนี้เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ชีวิตก็เหมือนเด็กทั่วไป ซึ่งที่บ้านพยายามสอนให้รู้จักชีวิต ให้รู้จักมีสัมมาคารวะและเคารพคนอื่น ครอบครัวผมไม่ได้จำกัดกรอบทางความคิด แต่สนับสนุนส่งเสริมให้คิด ไม่งั้นผมคงเป็นข้าราชการไปแล้ว การที่ปัจจุบันทำงานทางด้านนี้ แปลว่า ได้รับอิสระอย่างเต็มที่ ผมอยากทำอะไร ก็สนับสนุนส่งเสริม

@ คุณพ่อเป็นต้นแบบ ทำให้อยากเรียนกฎหมายใช่ไหม

การที่คนในบ้านครึ่งหนึ่งเป็นนักกฎหมาย ทำให้เราซึมซับโดยปริยาย และคุณพ่อก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะว่าใกล้ชิดกันที่สุด ผมอยากเรียนกฎหมายจริงๆ ก็ตอนกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งมานั่งนึกว่าเราถนัดทางไหน พบว่ากฎหมายน่าจะเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง และสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ ซึ่งคุณพ่อก็สนับสนุนเต็มที่

Advertisement

@ การเป็นลูกนักกฎหมายใหญ่โตของประเทศไทยส่งผลให้เราทำตัวลำบากหรือไม่

ผมว่าไม่ได้ลำบากเลย แต่ต้องเตือนตัวเองด้วย ว่าอย่าทำผิดกฎหมาย ตัวเองเป็นนักกฎหมาย เป็นลูกนักกฎหมาย ต้องระวังการทำผิดกฎหมาย แม้แต่เรื่องเล็กน้อย เช่น ออกจากบ้านก็อย่าฝ่าฝืนกฎจราจร ต้องไม่มีการใช้อภิสิทธิ์ใดๆ ที่สำคัญผมไม่ค่อยจะเปิดตัวเองว่าเป็นใคร ที่รู้จักกันเองก็เพราะนามสกุลมันฟ้อง

@ เมื่อได้เข้ามาช่วยงานรัฐบาลเช่นในฐานะปรึกษาปฏิรูปกฎหมาย จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกวิจารณ์ว่าเข้ามาได้เพราะบารมีพ่อ

ผมเห็นหนังสือคำสั่งที่ ดร.บวรศักดิ์ เสนอแต่งตั้งพร้อมๆ กับสื่อ ไม่มีการทาบทามก่อน(หัวเราะ)  แต่ผมกับ ดร.บวรศักดิ์ ทำงานด้วยกันมาในหลายบทบาท ตั้งแต่ความเป็นลูกศิษย์จนมาร่วมงานกันในหลายคณะกรรมการ ท่านอาจารย์คงเมตตา เห็นว่าเราเป็นคนรุ่นใหม่ที่ช่วยงานได้ คือมีใจ มีเวลา และมีความตั้งใจ และผมเชื่อว่า ดร.บวรศักดิ์ เลือกผมด้วยความเป็นนักกฎหมายรุ่นใหม่ เพราะคนอื่นๆ ที่เข้ามาทำงานนี้ก็รุ่นราวคราวเดียวกับผมเป็นส่วนใหญ่ คุณพ่อเสียอีกที่ไม่ยอมให้ผมไปเกี่ยวข้องกับงานของท่านเลย ที่ทำงานคุณพ่อที่ทำเนียบฯ ผมก็ไม่เคยไป ดร.บวรศักดิ์ พูดเสมอว่า การปฏิรูปต้องเป็นไปเพื่อคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่สำหรับคนที่เป็นอาทิตย์อัสดง เพราะคนรุ่นใหม่จะต้องใช้กฎหมายอีกนาน จึงต้องใช้คนเหล่านั้นขับเคลื่อน ดร.บวรศักดิ์บอกว่าท่านได้ความคิดนี้มาจาก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ

@ ในการทำงาน ดร.วิษณุ ได้ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง

การทำงานคุณพ่อให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งจะเป็นหัวใจของการทำงานทุกอย่างให้ประสบผลสำเร็จ ที่สำคัญคือการดูคน การวางตัวในสังคม คุณพ่อสอนเสมอว่า ในสังคมมีคนหลายประเภท แต่ทุกๆ คนล้วนมีข้อดีและเสียอยู่ ไม่มีใครดีหรือเลวร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เราต้องแยกแยะให้ออก และทำงานกับคนเหล่านี้ให้ได้ ไม่ใช่เลือกคบ

@ สนใจเล่นการเมืองหรือไม่

ผมติดตามด้านการเมืองมาโดยตลอด ชอบดูการอภิปรายในสภา  ชอบดูนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่เก่งๆ ให้สัมภาษณ์ ผมชอบในลักษณะนั้น ถ้าถามว่าจะไปเป็นนักการเมือง เล่นการเมืองหรือไม่ ผมยังไม่มีความคิดตรงนั้น ผมคิดว่าประชาชนทุกคนควรติดตามการเมือง เพราะบ้านเมืองเป็นเรื่องของเรา ถ้าเราดีแต่สังคมเละเทะ สุดท้ายมันจะมีผลกระทบต่อเรา ดังนั้นจึงต้องสนใจต่อส่วนรวม ผมไม่มีความคิดหรือความฝันอยากเป็นนักการเมือง ผมถนัดในความเป็นประชาชนที่มีส่วนร่วมมากกว่า

อ่านต่อได้ที่ มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 25 – 31 สิงหาคมนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image