มีทั้งความเหมือนและความต่างของการ”หนี”ระหว่าง จอมพล ป.พิ บูลสงคราม เมื่อเดือนกันยายน 2500
กับการ”หนี”ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเดือนสิงหาคม 2560
เหมือนที่ทั้ง 2 ออกทางชายแดน”กัมพูชา”
เหมือนตรงที่ทั้ง 2 น่าจะใช้รถยนต์เป็นพาหนะในเบื้องต้นและใช้เครื่องบินในลำดับต่อไป
เหมือนตรงที่ทั้ง 2 เป็น “นายกรัฐมนตรี”
จะต่างก็เพียงแต่ว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม หนีระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีเมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
แต่ 2 คนนี้ก็มีคนพา”หนี”
กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าใครที่มีส่วนในการพาหนีไปยัง “ชายแดน”
สงสัยกันว่าน่าจะเป็น “ข้าราชการ”
ทั้งยังน่าจะเป็นข้าราชการ”ทหาร” และมี “ยศ”ระดับสูง จึงผ่านด่านไปได้จากกรุงเทพฯจนถึงชายแดนตราด
ส่วน จอมพล ป.พิบูลสงคราม รู้กันชัด
นั่นก็คือ พ.ต.ท.ชุมพล โลหะชาละ ในฐานะเป็นตำรวจคนสนิท ประจำตัวนายกรัฐมนตรี
ทำหน้าที่ขับ”ธันเดอร์เบิร์ด”
ฝ่าด่านจำนวนมากมายจนทะลุถึงเกาะกงและร่วมเดินทางกระทั่งถึงกรุงพนมเปญ จึงได้เดินทางกลับมารายงานตัวกับคณะรัฐประหาร
กระนั้นสาเหตุของการหนีกลับตรงกัน คือ การเมือง
จอมพล ป.พิบูลสงคราม เด่นชัดอย่างยิ่งว่าเป็นการหนีในวันเดียว กันกับการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500
ตัดสินใจบึ่งรถออกจาก”ทำเนียบรัฐบาล”
เพราะรู้ชะตากรรมเป็นอย่างดีว่า คณะยึดอำนาจใหม่ที่นำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จะทำอย่างไร
ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านการ”รอ”
รอจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กระทั่งมาถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2560