หากสดับจาก”แถลง”ยาวเหยียดของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท จะมีความเข้าใจ
เข้าใจในการ”หายตัว”ไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นั่นก็คือ มิได้เป็นเรื่องการตัดสินใจเฉพาะหน้า หรือการตัดสินใจในลักษณะ “วินาทีสุดท้าย”
นั่นก็คือ มิได้เป็นไปในแบบ “ถูกอุ้ม”
ไม่ว่าจะโดยกระบวนการของ “พี่ชาย” ที่แสนดี ไม่ว่าจะโดยกระบวนการ “หลิ่วตา” ของผู้มีอำนาจ
หากดำเนินไปอย่างมี “แผน” ทาง “ยุทธการ”
นั่นก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับรู้และร่วมในแผนทางยุทธ การมาโดยตลอด
นานมาแล้วด้วย มิใช่ในวันที่ 25 สิงหาคม
ไม่ว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท จะแถลงในฐานะอะไร ฐานะผบ.ทบ. ฐานะเลขาธิการคสช.
แต่ที่แน่ๆ คือแถลงในฐานะ “ทหาร”
จึงไม่มีท่าทีในเชิงเยาะเย้ยหยามหยัน ไม่มีการดักหน้าดักหลัง ในแบบ”การเมือง”อย่าง”สามานย์”
แต่ที่แน่ๆคือแถลงในฐานะ “ชายชาตรี”
ยอมรับในจุดอ่อน ความบกพร่อง ของการคาด ประเมินสถานการณ์ในวันที่ 25 สิงหาคม ไม่สอดรับกับความเป็นจริงที่อีกฝ่ายกำหนดและจัดวางเอาไว้
“เป็นปฏิบัติการลับและก็ปิดลับได้ดี”
หากย้อน “ภาพ” การเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในห้วงหลังออกมาอย่างเป็นระบบก็จะได้บทสรุป
เหมือนที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ยืนยัน
ต้องยอมรับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
มิได้เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนเดิม
หากเปรียบเทียบกับในห้วง 49 วันแห่งการรณรงค์ก่อนการ เลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2554 ยิ่งแจ่มชัด
เมื่อผ่านสถานการณ์ “ชัตดาวน์” ผ่านสถานการณ์ “รัฐประ หาร” ยิ่งทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งไม่เหมือนเดิม
และก็เผยแสดงตัวตน”ใหม่”เมื่อเข้าสู่”25 สิงหาคม”
