เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ก.ย. ณ ห้องมงกุฎเงิน ชั้น 2 โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น นายสุวพงษ์ กิติภัทย์พิบูลย์ รอง ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธานแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด ประธานมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธ์ รักษาราชการแทน ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รศ.ดร.ธเนศ เสถียรนาม คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น และ หัวหน้าส่วนราชการใน จ.ขอนแก่น ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความร่วมมือ “โครงการติดตั้งกล้อ CCTV เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ทางแยกในเมืองขอนแก่น ระหว่าง นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น และ พ.ต.อ.จรูญ นวมทอง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น โดยมีเป้าหมาย การดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดขอนแก่นตามกรอบทศวรรษความปลอดภัยทางถนน และแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางถนนจังหวัดขอนแก่น บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และ การเสียชีวิต จากอุบัติเหตุทางถนนให้ลดลงเหลือน้อยที่สุด
นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า พิธีลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ สืบเนื่องจากมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนนได้มอบระบบกล้อง CCTV และอุปกรณ์ต่างๆ ในศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร ให้กับเทศบาลนครขอนแก่น ใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบสภาพการจราจรและป้องกันอุบัติเหตุบริเวณทางแยก พร้อมตรวจจับผู้ขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงด้วยระบบกล้องวงจรปิดอัตโนมัติในทางแยกเจ้าพ่อมอดินแดง แยกเซ็นทรัล และแยกเจริญศรี ซึ่งเป็นแยกที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งอันเนื่องมาจากการขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร โดยงบประมาณติดตั้งกล้อง CCTV ดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อถนนที่ปลอดภัยกว่าประเทศอังกฤษ จำนวน 8,300,000 บาท ในการดำเนินการติดตั้งทั้งหมด ฉะนั้นจึงได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือฯ ขึ้นเพื่อการดำเนินงานโครงการติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ทางแยกในเมืองขอนแก่นร่วมกัน
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธานแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด ประธานมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นแนวทางร่วมที่ดีที่จะดำเนินการติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ทางแยกในเมืองขอนแก่น จะสามารถลดอุบัติเหตุทางถนนอันเนื่องมาจากการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรได้ อีกทั้งสามารถประกันความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนเมื่อเข้าสู่ทางแยก ตลอดจนใช้ความสามารถของกล้องควบคุมสั่งการการจราจรในภาวะเร่งด่วน หรือติดขัด และยังส่ามารถใช้ประโยชน์ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้ด้วย
