เจาะลึกเส้นทางดาวฤกษ์พุ่งเร็ว! อีก 14 ปี ของ ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ นายพลหนุ่ม สู่เก้าอี้ผบช. ถึง เบอร์ 1 สีกากี

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล

****เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2560****

นาทีนี้ในวงการสีกากี ไม่มีใครไม่รู้จัก “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล นายตำรวจที่คนในแวดวงสีกากี ยกให้ นี่แหละ “บิ๊ก” ตัวจริง เสียงจริง

“พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล” ตอนนี้มีตำแหน่ง ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ 191 ในแวดวงตำรวจทราบกันดี นี่คือกองบังคับการระดับพรีเมี่ยมใน “นครบาล” เป็นหน่วยงานระดับท็อปของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท็อปในทุกมิติความหมายตามนัยวงการตำรวจ จะนั่งเบอร์ 1 หน่วยนี้ได้ เส้นสายโปรไฟล์ต้องดีและมีพลังเป็นพิเศษ

เป็นนายพลอายุน้อย ขณะนี้อายุเพียง 47 ปี แต่เป็นว่าที่รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเสียแล้ว หากเป็นไปตามเส้นทางที่ขีดไว้ เดือนตุลาคม 2560 บิ๊กโจ๊กมีตำแหน่งรองผู้บัญชาการเต็มตัว

Advertisement

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยผ่านสื่อหลายสำนัก ว่ามีพื้นเพเป็นคนสงขลา แดนใต้ เกิดในครอบครัวตำรวจ บิดาเป็นนายตำรวจชั้นประทวน ยอมรับว่าบิดาที่เคยทำงานใกล้ชิด พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ บิดาพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)และ “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร แต่ บิ๊กโจ๊ก ปฏิเสธ ตนเองไม่ใช่เด็กในบ้านดามาพงศ์ อย่างที่ใครกล่าวหาร่ำลือ เรียนมัธยมที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา ทุกวันนี้หน้าโรงเรียนยังขึ้นป้ายยกย่องศิษย์เก่าดีเด่น สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ รุ่นที่ 31 เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 47 ในรุ่น พราน 47 เดอะโจ๊กคือผู้นำ

ด้วยบุคคลิกและปฏิสัมพันธ์ กับผู้คนรอบกาย กลายเป็นที่มาของฉายา “หวานเจี๊ยบ” พร้อมคำอธิบายเชิงล้อเลียน “ครับพี่ครับ ครับ คับ ครับพี่ ครับ ครับพี่” เป็นคำพูดติดปากของนายตำรวจหนุ่ม ในแวดวงจึงรู้จักในนาม “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” ซึ่งไม่ทราบว่าเจ้าตัวนั้น ชอบใจฉายานี้หรือไม่?!

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล สมัยเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ส่วนหน้า

พูดถึงนายพลอายุน้อย ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้อนประวัติศาสตร์ที่พอทำเนา นับได้ไม่กี่คน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผบ.ตร. คนนี้นายพลหนุ่มเติบโตในสายตำรวจตระเวนชายแดน ชีวิตในเครื่องแบบสีกากีขึ้นสุด ที่ ผบ.ตร.เบอร์ 1ของหน่วย คนต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรองผบ.ตร.คนดัง สมัยติดยศนายพลก็เป็นที่ฮือฮา เกษียณที่ตำแหน่งรองผบ.ตร. คนต่อมาก็ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือ “บิ๊กแป๊ะ” ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ติดยศพล.ต.ต.ตั้งแต่อายุ 40 กว่าๆ ในสมัย พล.ต.อ.โกวิท เป็นผบ.ตร. และก้าวสู่ตำแหน่งผบ.ตร.เมื่ออายุเพียง 56ปี เท่านั้น แต่ด้วย “บิ๊กแป๊ะ” เกิดวันที่ 19 ตุลาคม 2502 หลังวันที่ 1 ตุลาคม จึงได้บวกเพิ่มอีก 1ปี นับอายุราชการจึงเกษียณปี 2563 ตามวิถีนายพลหนุ่ม

Advertisement

จนมาถึง “บิ๊กโจ๊ก”นี่แหละ เป็นนายพลอายุน้อยอีกคนที่น่าจับตาว่าสปริงชั้นดี จะดีดตัวได้ถึงเบอร์ 1 หรือไม่?

เปิดข้อมูล “นายพลหนุ่ม” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ตามประกาศลำดับอาวุโสนายพลในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า เกิดเมื่อ วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2513 อายุ 60ปีบริบูรณ์ในปี 2573 แต่เกิดหลังวันที่ 1 ตุลาคม ตามปฏิทินราชการจึงได้บวกเพิ่มอายุราชการอีก 1 ปี ไปเกษียณอายุราชการในปี 2574 นับจากวันนี้เหลืออายุราชการอีก 14 ปี

“เดอะโจ๊ก” เป็นรองสารวัตร ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2537 เป็นรองสารวัตรได้ 6 ปี 1 เดือน วันที่ 16 มีนาคม 2543 ขึ้นเป็นสารวัตร
เป็นสารวัตรโจ๊ก ได้เพียง 4 ปี 8 เดือน ก็ขยับเป็นรองผู้กำกับการโจ๊ก เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2547 เป็นรองผู้กำกับการอยู่ได้ไม่นาน 4 ปี ต่อมาขยับเป็น ผู้กำกับการโจ๊ก ติดยศ พ.ต.อ. เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 เป็นผู้กำกับการอยู่ได้ 4 ปี 1เดือน ก็ขยับเป็นรองผู้บังคับการ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2555
ปี 2555 ตอนนั้น “บิ๊กโจ๊ก” เป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยุคที่มีผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ชื่อ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา (ยศ-ตำแหน่งขณะนั้น) ในการแต่งตั้งวาระประจำปี ผลงานสถานีตำรวจเพื่อประชาชนดีเด่น ซึ่งโรงพักแห่งนี้ได้มาต่อเนื่อง ทำให้บิ๊กโจ๊ก ได้ขยับขึ้นเป็นรองผู้บังคับการ
บิ๊กโจ๊ก ได้เป็น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา บ้านเกิด ถูกเลือกให้ทำหน้าที่ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ส่วนหน้า ดูแลพื้นที่ อ.จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา จ.สงขลา 4อำเภอพื้นที่สีแดงภัยความไม่สงบต่อเนื่องชายแดนใต้ ด้วยบทบาทหน้าที่ส่งให้รองผู้บังคับการหนุ่มในตอนนั้น ได้รับสิทธินับอายุราชการแบบทวีคูณ สำหรับใช้นับอาวุโสในการแต่งตั้งเฉกเช่นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย 3 จังหวัดชายแดนใต้นายอื่นๆ “บิ๊กโจ๊ก” ครอบครองวันทวีคูณ 1 ปี 5 เดือน กับอีก 13 วัน ซึ่งเท่ากับเวลาที่ทำหน้าที่ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ส่วนหน้า นั่นคือนับเพิ่มอาวุโสจากวันปฏิบัติราชการจริง โดยบิ๊กโจ๊กคล้ายจะเป็นตำรวจใต้รุ่นสุดท้ายที่ได้รับการนับอายุราชการแบบทวีคูณเพื่อประโยชน์ในการนับอาวุโสในการแต่งตั้ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเลิกสิทธินี้ในปี 2558
อานิสงส์จากวันทวีคูณชายแดนใต้ ส่งให้ รองผู้การฯโจ๊ก ขยับเป็น ผู้การฯโจ๊ก ติดยศ พล.ต.ต. ในปี 2558 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 เมื่ออายุยังไม่ถึง 45 ปีเต็ม ในตำแหน่ง ผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าประสานนายกรัฐมนตรี
หากนับอายุราชการจริง เป็นรองผู้การฯ ได้ 2 ปีกับเกือบ 8เดือน แต่เมื่อบวกวันทวีคูณ 1ปี 5เดือน บิ๊กโจ๊กครบสเปค ขึ้นผู้บังคับการได้แบบพอดีเส้น ในตำแหน่ง ผู้บังคับการประจำฯ โดยได้รับการแต่งตั้งนอกวาระประจำปี ในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นผบ.ตร. ขณะที่มีคำสั่งให้บิ๊กโจ๊กรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว ตั้งแต่ ต้นเดือนตุลาคม 2557 แล้ว “บิ๊กโจ๊ก”ทำหน้าที่นายตำรวจประสานงานใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “บิ๊กป้อม” รองนายกรัฐมนตรี คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เป็นผู้บังคับการประจำฯเต็มตัวอยู่ได้ไม่เท่าไหร่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ก็ขยับเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ในวาระแต่งตั้งประจำปี 2558 ผลงานจัดว่าโดดเด่น คดีดังเห็นจะไม่พ้นคดีจับบริษัททัวร์ 0 เหรียญ ภาพลักษณ์ออกมาเดินหน้าชนปราบปรามธุรกิจท่องเที่ยวที่สงสัยเบี้ยวภาษีรัฐ ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งตอนนี้คดีอยู่ระหว่างรออุทธรณ์ หลังศาลชั้นต้นยกฟ้องไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคม
กระทั่งวาระการแต่งตั้งประจำปี 2559 บิ๊กโจ๊ก ขยับเป็น ผบก.191 และได้ทำหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ ตร. ปราบเด็กแว้นแก๊งซิ่ง ปราบโต๊ดเถื่อน จับค้ายาเสพติดออนไลน์ ส่งชุดปฏิบัติงานออกไปทั่วประเทศ จุดที่อยู่ส่งให้ บิ๊กโจ๊กงานออกตลอด
มาถึงวาระแต่งตั้งประจำปี 2560 บิ๊กโจ๊ก ผบก.191 ที่อาวุโสเบอร์ 76 ได้รับการเสนอชื่อจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. ขึ้นแท่น รองผู้บัญชาการ ด้วยปัจจัยความรู้ความสามารถ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมเห็นชอบให้ เป็น รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกต้องตามสเปค เพราะกฎหมายแต่งตั้งตำรวจฉบับปัจจุบันกำหนดว่าผู้บังคับการจะเลื่อนเป็น รองผู้บัญชาการได้ ต้องเป็นผู้บังคับการมาไม่น้อยกว่า 2 ปี สำหรับ บิ๊กโจ๊ก เป็นผู้บังคับการมา 2 ปี กับอีกไม่กี่เดือน ถือว่าผ่านเกณฑ์
แต่เวลาผ่านไปเพียงสัปดาห์เดียว มีการประชุม ก.ตร. อีกครั้ง วาระแต่งตั้งผู้บัญชาการ ถึงผู้บังคับการ ในหน่วยงานตามการปรับโครงสร้างใหม่ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ครานี้ก.ตร.เห็นชอบ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โยกไปนั่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

เสียงฮือฮาเกิดขึ้นในแวดวงสีกากี ว่ากันว่านี่แหละ อภินิหารของจริง และไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์ เพราะนับแต่มีข่าวตั้งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ชื่อของบิ๊กโจ๊ก อดีตผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ก็แปะป้ายจองตำแหน่งผู้บัญชาการ ชั้นยศ พล.ต.ท.หัวหน้าหน่วย เบอร์ต้นๆ ว่ากันว่ากลีบกุหลาบโรยปูทางไว้แล้ว!?

เหล่าผู้คร่ำหวอดคนในคนนอก วิเคราะห์ราวกับเจาะใจผู้มีอำนาจ การวางตัวบิ๊กโจ๊ก สไลด์โยกเก้าอี้ในครั้งนี้ เพื่อรอรับไม้ เป็นผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวคนต่อไป เมื่อว่าที่ผู้บัญชาการคนแรกเกษียณในปี 2561

ทว่าก็เป็นเพียงการคาดการณ์อนาคต แต่โอกาสก็เป็นไปได้

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กับบทบาทนายตำรวจผู้ประสานงานใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯฉบับปัจจุบัน เขียนว่า เป็นรองผู้บัญชาการ เพียง 1 ปี ก็ขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ได้แล้ว ดังนั้นหากวาระแต่งตั้งประจำปี 2561 บิ๊กโจ๊ก หวานเจี๊ยบ จะขึ้นเป็น ผู้บัญชาการ ไม่ว่าในตำแหน่งไหน ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด หากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวว่างลง รองผู้บัญชาการจะขึ้นแทนก็แสนจะดูดี!?

กติกาสีกากี เขียนไว้ เป็นผู้บัญชาการ 1ปี ก็เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ และเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีก 1ปีก็เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือจเรตำรวจแห่งชาติได้แล้ว
และหากภายหลังการปฏิรูปตำรวจ สเปคการแต่งตั้งบิ๊กตำรวจ สเปคผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก โอกาสที่ “นายพลหนุ่ม” ชื่อ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ที่โตไว พุ่งเร็ว เปล่งพลัง และดูคล้ายว่าระหว่างทางแทบจะไร้คู่แข่ง เหลืออายุราชการอีกตั้ง 14 ปี จะคว้าเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
หากนับบันได ก็เหลืออีกเพียงไม่กี่ขั้นเท่านั้น และว่ากันว่าเป็นไปตามกลยุทธ์ !?

ทว่าการแต่งตั้ง – เส้นทางสีกากี มีบริบทมากมาย

พลิกประวัติบิ๊กโจ๊ก ที่เรียกว่ากรุยทางได้สวยงาม ประสบเพทภัย ถูกร้องทุกข์กล่าวหาก็รอดพ้นได้ในยุคนี้ วาระแต่งตั้งตำรวจไม่ว่าระดับตำแหน่งไหนมีชื่อถูกล่าวหาบารมีพัวพันทางลึกทางลับ คำครหาดังขรมแค่ไหนบิ๊กโจ๊กก็ไม่ระคาย ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น ครหาก็เท่านั้น

อย่างว่าการแต่งตั้งสีกากี เหตุและผลสำคัญ ต้องมีแรงสนับสนุน อำนาจ และบารมี ทั้งนี้หากปฏิทินเลือกตั้งของประเทศไทยยังขยับไปอีกไกล “บิ๊กโจ๊ก” คนที่ไม่มีสีกากีคนไหนไม่รู้ ว่านี่คือ นายพลตำรวจข้างกาย พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่มากบารมีในกองทัพ ตำรวจ และคสช. ชื่อนี้จะถูกจับจ้อง คาดหมายจับจองเก้าอี้สำคัญ เก้าอี้สุดยอด ก็ไม่ใช่เรื่องมโนเพ้อพก

ย้อนกลับไปดูเส้นทาง “นายพลหนุ่ม” ส่องทางข้างหน้า แล้วจะเข้าใจว่าเรื่องของบิ๊กสีกากีตัวจริง ที่เติบโตตามเส้นทางครบขึ้นได้ในทุกสมัย ที่ชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” มันไม่ใช่เรื่อง “โจ๊ก” แต่อย่างใด ?!

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image