‘ธาริต’ แถลงโต้ป.ป.ช. กล่าวหาไร้หลักฐาน-ทรัพย์สินส่วนใหญ่ไม่มีจริง

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกแถลงชี้แจงสื่อมวลชนภายหลังป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดว่าร่ำรวยผิดปกติและเตรียมยึดทรัพย์กว่า 300 ล้านบาท ว่า ข้อ 1. อนุกรรมการไต่สวนฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อข้าพเจ้าถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ อนุกรรมการได้นำเอาเงินฝากหมุนเวียน ผ่านบัญชีของข้าพเจ้าและภรรยา ที่เปิดไว้กับธนาคารต่างๆ ซึ่งเป็นการฝากและใช้จ่ายตามปกติทุกรายการที่ปรากฏในบัญชีธนาคาร ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งอธิบดีฯ (พ.ศ.2552-2557) และย้อนหลังไปก่อนดำรงตำแหน่งหลายปีบวกทบๆ กัน โดยไม่ได้พิจารณาว่า เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นการคิดคำนวณที่ไม่เป็นตามหลักบัญชี รวมทั้งทรัพย์สินอื่นมาบวกรวมกันให้เห็นว่า ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินที่มากเกินความเป็นจริง แล้วกล่าวหาข้าพเจ้าว่าร่ำรวยผิดปกติ ทั้งทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็ไม่มีอยู่จริงและทุกรายการก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การมีหรือได้มาทรัพย์สินตามที่กล่าวหานั้น เป็นการไม่ชอบหรือไม่มีเหตุอันควรหรือมีพฤติการณ์ที่ร่ำรวยผิดปกติอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น บัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ภรรยาของข้าพเจ้าใช้ฝากเงิน เพื่อหมุนเวียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 6 ล้านบาท

ตลอดเวลา 5 ปีที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่ง ย่อมมีการถอนออกแล้วฝากเข้าเป็นปกติของการซื้อขายหุ้น แต่อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีนำเอาเฉพาะรายการฝากทุกๆ ครั้งบวกทบๆ กัน จึงทำให้ยอดบัญชีสูงถึง 86 ล้านบาท ทั้งที่ตัวเงินจริงมีเพียง 6 ล้านบาทที่หมุนเวียนเป็นต้น การกล่าวหาว่าข้าพเจ้าร่ำรวยผิดปกติ จึงมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้เข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี และไม่อยู่ในวิสัยที่วิญญูชนจะสามารถจดจำนำหลักฐานมาชี้แจงข้อกล่าวหาได้ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบตามข้อ 37 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 47 และมาตรา 125

ประการสำคัญ อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีคิดคำนวณรายได้จากเงินเดือน และค่าตอบแทนเฉพาะการรับราชการของข้าพเจ้าและภรรยาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบถึงรายได้จากการทำธุรกิจเช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อขายที่ดิน และการลงทุนในทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองคำ และอัญมณี ซึ่งในปัจจุบันการมีรายได้จากธุรกิจต่างๆ ของข้าราชการเป็นเรื่องปกติ ที่กระทำได้โดยชอบ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานหรือพฤติการณ์ใดๆ เลยที่แสดงว่า ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินเหล่านั้น หรือได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือโดยไม่ถูกต้อง

ข้อ 2. ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ดังต่อไปนี้ (1) วิธีคิดคำนวณทรัพย์สินของข้าพเจ้าเป็นไปตามหลักการทางบัญชีที่คนปกติเขาใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันหรือไม่ (2) การปฏิบัติต่อข้าพเจ้าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ (3) ได้ปฏิบัติกับข้าพเจ้าเท่าเทียมกับปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ หรือไม่

Advertisement

ข้อ 3. ข้าพเจ้าจะได้แต่งตั้งทนายความขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลยุติธรรมต่อไป และหากในที่สุดศาลตัดสินว่า ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดตามที่ ป.ป.ช. มีมติแล้ว ถึงตอนนั้น ป.ป.ช. จะรับผิดชอบต่อความไม่เป็นธรรมที่ได้กระทำกับข้าพเจ้าหรือไม่ อย่างไร

นายธาริต ให้สัมภาาณ์เพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า ลำดับถัดจากนี้จะมีการเสนอชื่อตนไปยัง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การดำเนินการโดยใช้มาตรา 44 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ออกจากราชการ ในที่สุด ซึ่งในฐานะข้าราชการประจำ ก็ต้องทำตามระเบียบและหลักปฏิบัติไม่ได้หวั่นวิตกแต่อย่างใด แต่ตนจะสู้คดีในช่องทางตามกระบวนการยุติธรมอย่างที่สุด ตามสิทธิของประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image