สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ในการรายงานถึงสถานการณ์ปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจาในประเทศพม่า ต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชอาร์ซี) เมื่อวันที่ 11 กันยายน นายไซอิด ราเอด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น วิพากษ์ถึงการปราบปรามชาวโรฮีนจาของพม่าที่เกิดขึ้นว่าดูเหมือนเป็น”การโจมตีที่เป็นระบบ” และเตือนว่า”การล้างเผ่าพันธุ์” ชาวโรฮีนจายังอาจกำลังดำเนินอยู่ต่อไป
ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นกล่าวว่า ด้วยเหตุที่รัฐบาลพม่าปฏิเสธที่จะให้ชุดสอบสวนด้านสิทธิมนุษยชนเข้าไปตรวจดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถประเมินสถานการณ์ล่าสุดที่เป็นอยู่ในขณะนี้อย่างเต็มที่ได้ แต่สถานการณ์ในขณะนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างตำราของการล้างเผ่าพันธุ์ โดยทางคณะทำงานได้รับรายงานจากหลายทางและภาพถ่ายทางดาวเทียมเกี่ยวกับกองกำลังฝ่ายความมั่นคงและกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นในรัฐยะไข่ที่เผาหมู่บ้านของชาวโรฮีนจา ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลว่ามีการวิสามัญฆาตกรรม รวมถึงการยิงพลเรือนที่หลบหนีออกจากพื้นที่ด้วย
ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นยังกล่าวถึงรายงานหลายกระแสที่มีออกมาว่าทางการพม่าถึงขั้นวางกับระเบิดไว้ตามแนวชายแดนติดกับบังกลาเทศ เพื่อป้องกันชาวโรฮีนจาที่หนีภัยความรุนแรงไปแล้วไม่ให้ได้ย้อนกลับเข้าประเทศมาได้อีก
ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นยังเรียกร้องให้รัฐบาลพม่ายุติปฏิบัติการทางทหารอันโหดร้ายทารุณต่อชาวโรฮีนจาและรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎหมายที่เกิดขึ้น รวมถึงยุติการเลือกปฏิบัติต่อชาวโรฮีนจาด้วย