ตระกูลเก่าแก่เผย เลิกทำบุญ ‘วัดบางขุนเทียนนอก’ รับไม่ได้ สร้างปลัดขิกทั่ววัด ทำลายศักดิ์ศรีโบราณสถาน

สืบเนื่องกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีวัดบางขุนเทียนนอก เขตจอมทอง กทม. สร้างประติมากรรมคล้ายรูปอวัยวะเพศชาย มีขา ตาและปีก ลงอักขระ ตั้งไว้ตามจุดต่างๆของวัด อาทิ ท่าน้ำริมคลองบางขุนเทียน และพื้นที่ใกล้ประตูหน้าวัด รวมถึงมีการจำหน่ายวัตถุมงคลรูปร่างดังกล่าว นอกจากนี้ ทางวัดได้ประกาศเชิญชวนชาวบ้านร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินในวันที่ 8 ต.ค. ที่จะถึงนี้เพื่อสมทบทุนสร้างวิหารหลวงพ่อทวด ซึ่งมีรูปหล่อหลวงปู่ทวดขนาดใหญ่ตั้งบนดาดฟ้า ล้อมรอบด้วยโคมไฟรูปร่างคล้ายเจ้าโลก โดยทางวัดชี้แจงว่าเป็น ‘เวตาล’ ที่ดัดแปลงหัวเป็นปลัดขิก ส่วนประติมากรรมในจุดอื่นๆของวัดคือ ‘เสือปลัดขิก’ สร้างเพื่อมุ่งหมายล้อสังคมที่ยึดติดกามารมณ์ (อ่านข่าว โวย ‘วัดบางขุนเทียนนอก’ ทำโคมไฟคล้าย ‘เจ้าโลก’ ล้อม ‘หลวงพ่อทวด’ วัดแจงเป็น ‘เวตาล’ หัวปลัดขิก)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนจากตระกูลเก่าแก่ย่านบางขุนเทียนรายหนึ่ง เปิดเผยว่า บรรพบุรุษของตนทำบุญที่วัดบางขุนเทียนนอกมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังบริจาคเงินให้กรมศิลปากรเพื่อบูรณะอุโบสถซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญจำนวนหลายล้านบาท แต่เมื่อวัดสร้างรูปปั้นปลัดขิกขนาดใหญ่ตามจุดต่างๆของวัด ตนและครอบครัวรู้สึกรับไม่ได้ จึงเลิกทำบุญที่วัดดังกล่าว เว้นแต่เข้าไปไหว้กระดูกบรรพบุรุษเท่านั้น

“เริ่มแรกมีการสร้างปลัดขิกตั้งพื้น พ่นน้ำได้ ดูแล้วน่าเกลียดมาก ตอนหลังหนักข้อ สร้างอาคารประดับด้วยปลัดขิก บดบังโบราณสถาน ถ้ามองจากสะพานข้ามคลองบางขุนเทียนจะเห็นเลยว่าเป็นการลดทอนคุณค่าอุโบสถเก่าแก่ เดิมยังเคยคิดว่าจะบริจาคเงินบูรณะกุฏฝาไม้ปะกนในวัด แต่พอเห็นแบบนี้แล้วรับไม่ได้ ตอนนี้วัดก็ปล่อยเถาวัลย์ขึ้นพันเต็มไปหมด แสดงว่าไม่เห็นค่าเลย” ตัวแทนตระกูลเก่าแก่กล่าว

Advertisement

ผศ.ดร. รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า วัดบางขุนเทียนนอกเป็นวัดเก่าแก่มีร่องรอยย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา อีกทั้งมีอาคารซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และจิตรกรรมบนบานหน้าต่างอุโบสถที่ทรงคุณค่า เป็นภาพชาวต่างชาติ โดยเหลือเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย แม้แต่คลองบางขุนเทียนซึ่งไหลผ่านหน้าวัดก็เป็นเส้นทางน้ำสายประวัติศาสตร์ จึงรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดทางวัดจึงพยายามสร้างคุณค่าในด้านอื่นที่ไม่มีสาระ ทั้งที่วัดเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งไม่อาจประเมินค่าได้

“ปกติปลัดขิกไม่ได้เอาไว้ห้อยโชว์ หรือเอาออกมาแสดงโจ่งแจ้ง แต่เก็บไว้ในร่มผ้า แม้จะบอกว่าต้องการยั่วล้อสังคม แต่คนอื่นอาจตีความแตกต่างออกไป โดยเฉพาะเมื่อสร้างล้อมรอบหลวงปู่ทวดซึ่งเป็นเกจิระดับชาติ การกระทำเช่นนี้ถือว่ากำลังเล่นกับความเชื่อที่เสี่ยงถูกโจมตี ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากับพุทธพาณิชย์ แต่ถ้าผิดกาละเทศะ ก็เป็นเรื่องน่าห่วง” ผศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าว

อุโบสถวัดบางขุนเทียนนอก เป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร

ด้านกระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ยังมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นดังกล่าว โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับทางวัดโดยมองว่าวัตถุดังกล่าวไม่ใช่ความเชื่อทางพุทธศาสนา ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในวัดเช่นนี้

Advertisement

ทั้งนี้ ประติมากรรมเสือปลัดขิกเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลออนไลน์มาแล้วในช่วงกลางปี 2559 โดยมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามีความเชื่อมโยงกับ ‘เพชรพญาธร’ ซึ่งให้คุณในด้านความมีเสน่ห์ ไม่เหมาะสมกับการอยู่ในวัด ต่อมา พระครูเกษมคุณาภรณ์ เจ้าอาวาส อธิบายว่า ไม่ได้ลอกแบบหรือแนวคิดมาจากเพชรพญาธร รวมทั้งไม่ได้อ้างอิงจากเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด แต่คิดขึ้นเองตั้งแต่ 20 ปีที่แล้วเพื่อมอบให้ชาวบ้านเพื่อเป็นกำลังใจในการค้าขายและดำเนินชีวิต ต่อมามีการบอกต่อกันปากต่อปากเกิดการสร้างประติมากรรมขนาดใหญ่ขึ้นดังที่เห็นในปัจจุบัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงต้นเค้าดั้งเดิมว่ามาจากวัดบางขุนเทียนนอกเท่านั้น ส่วนโคมไฟรอบวิหารได้รับอิทธิพลจาก “กากอย” ในศิลปะตะวันตกแล้วดัดแปลงเป็น “เวตาล” แต่ปรับเปลี่ยนให้มีหัวเป็นปลัดขิก เนื่องจากตนชื่นชอบศิลปะ (อ่านข่าว ฮือฮา! รูปปั้นเจ้าโลก ‘มีขา-ปีก’ วัดบางขุนเทียนนอกแจงมุ่ง ‘ล้อสังคม’–ไม่ยึดติดกามตัณหา (คลิป))

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image