ความจริง-โรฮีนจา โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

หลังจากวิกฤตโรฮีนจาเกิดขึ้นมานานเกินครึ่งเดือน มีคนตายหลายร้อยและอาจถึงพันศพ ผู้อพยพเกิน 3 แสนคน เริ่มเข้าข่ายกวาดล้างชาติพันธุ์ ในที่สุดความก็ไปถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่เปิดการพูดคุยฉุกเฉินในสัปดาห์นี้

แม้เหตุการณ์นี้อยู่ใกล้บ้านเราอย่างยิ่ง เรายังต้องอาศัยข่าวสารอัพเดตที่อ้อมมาจากสำนักข่าวของฝรั่งเป็นหลัก เพราะการไปมาหาสู่ระหว่างชาติเพื่อนบ้านยังไม่สะดวกรวดเร็วนัก ยิ่งเข้าไปรัฐยะไข่ด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องยาก

ส่วนในโลกออนไลน์แม้มีสำนักข่าวของอาระกันด้วย แต่นอกจากฟังไม่ออกแล้ว ภาพที่เผยแพร่ยังออกแนวรุนแรงและสะเทือนขวัญ ใช้อ้างอิงแทบไม่ได้

ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวิกฤตโรฮีนจาครั้งนี้จึงมีปะปนกันทั้งเหตุการณ์จริง ทั้งโฆษณาชวนเชื่อ รวมไปถึงข่าวปลอมตามที่นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ หรือผู้นำพม่าตัวจริง หยิบยกมาอธิบาย

Advertisement

แน่นอนว่าข่าวปลอมเป็นตัวบิดเบือนสถานการณ์ได้ แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะสำนักข่าวชั้นนำต่างๆ ติดตามเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด สะท้อนภาพการอพยพของชาวมุสลิมโรฮีนจาออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับภาพถ่ายภาคพื้นดิน และภาพถ่ายผ่านดาวเทียมที่ปรากฏพื้นที่ถูกไฟเผาผลาญตามชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่

ดังนั้น การอ้างข่าวปลอม ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรๆ ดีขึ้นนัก โดยเฉพาะกับนางซูจี

ยิ่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงพาคณะนักข่าวฝรั่งไปดูพื้นที่และบุคคลที่จัดเตรียมไว้ให้ในรัฐยะไข่ ยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลพม่าน้อยลงไปอีก

เฉพาะการรายงานของโจนาธาน เฮด แห่งบีบีซี และภาพข่าวจากสำนักข่าวเอเอฟพี แสดงให้เห็นว่าไฟที่ไหม้บ้านเรือนของชาวโรฮีนจาไม่ใช่ฝีมือชาวโรฮีนจาตามที่รัฐบาลพม่าพยายามกล่าวหา

เพราะคนที่ไม่อยู่ในหมู่บ้านแล้วและสภาพที่ฝนก็ตกเฉอะแฉะจะมาเผาบ้านตัวเองอย่างง่ายดายได้อย่างไร ขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่

สภาพการณ์นี้ชวนให้คิดเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์กลางย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เมื่อปี 2553 หลังผู้ชุมนุม นปช.สลายออกจากราชประสงค์หมดแล้ว มีเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่ไว้ได้หมดแล้ว แต่กลับมีการ “เผาบ้านเผาเมือง” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เหตุการณ์ลักษณะนี้หากจะสืบทราบกันจริงๆ ก็น่าจะหาคำตอบได้ คนที่เสียใจฟูมฟายกับโรงหนังถูกเผามากกว่าเศร้าสลดที่มีคนถูกยิงตายก็จะได้มีข้อมูลและมุมมองที่เปิดหัวใจได้บ้าง

สำหรับเหตุการณ์ที่รัฐยะไข่ ถ้ารัฐบาลพม่าจะให้คำตอบและข้อพิสูจน์กับโลกให้ชัดว่าวิธีการรับมือกับกองกำลังติดอาวุธนั้นถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือไม่ ก็ต้องเปิดเผยให้มีการตรวจสอบความจริงอย่างตรงไปตรงมา

ในเมื่อวิกฤตครั้งนี้ทำให้ประชาชนทะลักออกนอกประเทศ จึงไม่ใช่แค่เรื่องภายในประเทศอีกต่อไป

เหมือนกับนางซูจี หลังได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพแล้ว ก็ไม่ใช่คนพม่าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นคนของโลกด้วย

………….

ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image