นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติระบุว่า วิกฤตการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮีนจาในรัฐยะไข่ของพม่า โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนถือเป็นหายนะ หลังความคับข้องใจซึ่งถูกปล่อยทิ้งให้กลัดหนองมานานหลายทศวรรษได้ขยายตัวออกไปไกลกว่าพรมแดนของพม่า จน ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาค
กูแตร์เรสกล่าวว่า ผู้หญิงและเด็กชาวโรฮีนจาส่วนใหญ่ที่เดินทางมาถึงบังกลาเทศต่างตกอยู่ในสภาพที่หิวโหยและขาดสารอาหาร โดยมีรายงานว่ามีการโจมตีพลเรือนจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เขายังเรียกร้องให้ทางการพม่าระงับปฏิบัติการทางทหาร ยุติการใช้ความรุนแรง เคารพหลักกฏหมาย และตระหนักถึงสิทธิในการเดินทางกลับถิ่นฐานของผู้ที่เดินทางหลบหนีออกจากพม่า
เลขาธิการสหประชาชาติยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ให้ความช่วยเหลือชาวโรฮีนจา ขณะเดียวกันยังขอให้รัฐบาลพม่าให้สัญชาติแก่บุคคลเหล่านี้หรือไม่ก็ต้องมีการให้สถานะทางกฎหมาย เพื่อที่ชาวโรฮีนจาจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงการมีเสรีภาพในการเดินทาง การเข้าถึงตลาดแรงงาน การศึกษาและการบริการด้านสาธารณสุข
เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา นายซอ ฮเต โฆษกรัฐบาลพม่าประกาศว่านางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศพม่า จะไม่เดินทางไปเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 72 ที่นครนิวยอร์กโดยให้เหตุผล 2ประการ ประการแรกคือสถานการณ์ในรัฐยะไข่ซึ่งมีการโจมตีจากกลุ่มก่อการร้ายและมีงานอีกมากที่จะต้องทำเพื่อการดูแลความปลอดภัยของสาธารณะรวมถึงงานด้านมนุษยธรรม ประการที่สองคือพม่าได้รับรายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์โจมตีของกลุ่มก่อการร้ายในประเทศ โดยซูจีจะทำการกล่าวถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งจะมีการพูดถึงวิกฤตการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับชาวโรฮีนจาอย่างเต็มรูปแบบด้วย
