ผู้บริหารกับกลยุทธ์
ว่ากันว่า ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ จะวัดจากความสามารถในการทำให้กลยุทธ์สัมฤทธิผล
ในเรื่องของกลยุทธ์นั้น ปีเตอร์ ดรักเกอร์ (Peter Drucker) ปรมาจารย์ด้านการบริหารจัดการ ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “กลยุทธ์เป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องตัดสินใจในปัจจุบัน”
กลยุทธ์จึงเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับปฏิบัติการต่างๆ ของเราในวันนี้จะนำไปสู่เป้าหมาย หรือทิศทางใหม่ได้อย่างไรบ้าง
ในทรรศนะของปรมาจารย์ด้านกลยุทธ์ ไมเคิล อี พอร์เตอร์ (Michael E. Porter) แล้ว ความสำเร็จในกลยุทธ์ขององค์กรใดๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจเอกชน หรือภาครัฐราชการ จะอยู่ที่ 2 ปัจจัยสำคัญ คือ วิธีการกำหนดกลยุทธ์ (Strategic Setting) และวิธีการนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผล (Strategic Implementation)
ผู้บริหารหลายคนเชื่อว่า การกำหนดกลยุทธ์ก็คือการตั้งเป้าหมาย (Goal Setting) แต่แท้จริงแล้วกลยุทธ์จะเกี่ยวข้องกับความมุ่งมั่นและทิศทางที่องค์กรจะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วย ซึ่งเกิดจากการที่องค์กรตัดสินใจเลือกเอาทางเลือกใดทางเลือกหนึ่งจากหลายๆ ทางเลือก
กลยุทธ์จึงเป็นเรื่องของการเลือกที่จะทำหรือไม่ทำโดยพิจารณาจากทรัพยากรต่างๆ ที่องค์กรมีอยู่ และประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน และภัยคุกคามขององค์กร ดังนั้น ผู้บริหารจึงต้องเลือก “ทางเลือก” ที่ถูกต้องและชัดเจนเพื่อความสำเร็จขององค์กรในอนาคต
ที่สำคัญก็คือการร่วมกันเป็นทีมงานเพื่อกำหนดกลยุทธ์ตั้งแต่เริ่มแรก จะทำให้องค์กรมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าการที่ผู้บริหารจะประกาศกลยุทธ์ หรือเป้าหมายจากความนึกคิดของตนเพียงคนเดียว
วิธีดำเนินการ หรือ แนวทางในการนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ ควรมีการถ่ายทอดจากผู้บริหารระดับสูงลงสู่ระดับผู้ทำงานระดับล่างสุด ด้วยการแบ่งปันข้อมูลกันอย่างกว้างขวางและทั่วถึงภายในองค์กร ข้อมูลสำคัญต่างๆ ไม่ใช่ถูกจำกัดไว้ใช้แต่ในหมู่คนจำนวนน้อยหรือพยายามปิดบังข้อมูลทั้งที่บุคคลอื่นๆ ต่างก็จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเหล่านั้น เช่นกัน
ทุกวันนี้ คุณลักษณะของความเป็นผู้นำจะมีความสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จ หรือล้มเหลวในการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์
ความท้าทายของผู้นำในวันนี้ จึงอยู่ที่ความสามารถในการบริหารจัดการ ให้ทุกผู้คนในองค์กรปฏิบัติงานอย่างบูรณาการ จนบรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ครับผม !
วิฑูรย์ สิมะโชคดี
