ชาวบ้านหมู่ที่ 4 บ้านท่อนแร่ ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง รวมตัวที่หน้าศาลากลางจังหวัดตรังกว่า 80 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง ให้ลงตรวจสอบบัญชีกองทุนออมทรัพย์เพื่อการผลิต หมู่ที่ 4 เนื่องจากไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการทำงานของคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์และคณะกรรมการชุดอำเภอที่ลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งที่ผ่านมา หลังเงินหายไปจากบัญชี จากยอด 1 ล้าน 2 แสนบาท เหลือเพียง 3,000 กว่าบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 กันยายน 2560 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดตรัง ชาวบ้านหมู่ที่ 4 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นำโดยนายภิญโญ ศรีวิลัย อายุ 47 ปี แกนนำชาวบ้าน พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ นัดรวมตัวกันกว่า 80 คน โดยทำหนังสือเข้ายื่นร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตรังถึงความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการทำงานของคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์และคณะกรรมการชุดอำเภอที่ลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งจากที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่าเงินหายไปจากบัญชี จากยอด 1 ล้าน 2 แสนบาท เหลือเพียง 3,000 กว่าบาท
ทั้งการมอบหนังสือครั้งนี้ ได้มอบผ่านนายสายัณห์ อินทรภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นผู้รับเรื่อง
ทั้งนี้ ทางนายภิญโญ ศรีวิลัย อายุ 47 ปี แกนนำชาวบ้าน พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ ได้ทำหนังสือยื่นร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรังให้ลงตรวจสอบบัญชีกองทุนออมทรัพย์เพื่อการผลิตของหมู่ที่ 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่อำเภอได้ลงไปตรวจสอบถึง 2 ครั้ง ยอดยังคงอยู่ที่ 1 ล้าน 2 แสนบาท แต่พอตรวจสอบครั้งที่ 3 ยอดเงินคงเหลือเพียง 3,000 กว่าบาท รวมทั้งเงินดอกเบี้ยจากปี 55-59 ยอดรวม 392,139 บาท ซึ่งรายละเอียดต่างๆ เคยร้องผ่านอำเภอปะเหลียนแล้ว แต่ผลตรวจสอบไม่ได้รับความเป็นธรรมกับสมาชิกกลุ่ม ซึ่งร้องขอให้ทางจังหวัดเข้าตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรม และขอให้ตรวจสอบคณะกรรมการชุดอำเภอที่ลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตรังผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง ได้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อำเภอปะเหลียนพยายามติดต่อมายังแกนนำเพื่อให้ยุติการเรียกร้องผ่านจังหวัดเพื่อหาทางแก้ไขกันเอง เพราะเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกสามารถแก้ปัญหากันเองได้ แต่ทางแกนนำยืนยันจะดำเนินการต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยยื่นหนังสือร้องเรียนที่หน้าอำเภอปะเหลียนแล้ว แต่ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่มีเงินฝากในธนาคารออมทรัพย์ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ แต่หลังจากยื่นหนังสือเรียบร้อยแล้ว กลุ่มชาวบ้านก็ได้ทยอยเดินทางกลับ โดยรอรับฟังการตรวจสอบจากจังหวัดตรังและศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง ที่รับปากว่าจะดำเนินการตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน จากนั้นชาวบ้านจึงเดินทางกลับ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด
