นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมมือกับ JD.com บริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีนรายใหญ่และ JD Finance ผู้นำด้านฟินเทคของประเทศจีน ลงทุนมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเปิดตัว 2 ธุรกิจร่วมในประเทศไทยในด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทค ทั้งนี้ ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ เงินทุนครึ่งหนึ่งจะมาจากกลุ่มเซ็นทรัล และส่วนที่เหลือจะมาจาก JD.com และ JD Finance รวมถึง โพรวิเดนท์ แคปปิตอล ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านกลยุทธ์ของ JD.com ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ การเปิดตัวธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทค กลุ่มเซ็นทรัลจะนำความแข็งแกร่งในด้านธุรกิจค้าปลีก ที่มีเครือข่ายร้านค้า พร้อมรองรับการให้บริการแบบออมนิแชแนล (Omnichannel) และการชำระเงินที่สะดวกขึ้นด้วยทางเลือกที่หลากหลาย รวมถึงใช้แบรนด์และความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า และความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับวงการค้าปลีกจากฐานลูกค้าถือบัตร The 1 card มาพลิกโฉมธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทย ขณะที่JD.com จะนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ และด้านโลจิสติกส์ มาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ส่วนความร่วมมือด้านบริการฟินเทค นั้น จะต่อยอดจากความรู้เชิงลึกด้านเทคโนโลยีทางการเงินของ JD Finance รวมถึงประสบการณ์การพัฒนาบริการฟินเทคที่ง่ายต่อการใช้งานในตลาดใหม่ การใช้ AI (Artificial Intelligence) เทคโนโลยีคลาวด์ และเทคโนโลยีอื่นๆที่ทันสมัย
“เนื่องจากปัจจุบันจำนวนคนไทยที่ใช้สมาร์ทโฟนมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การใช้จ่ายสูงขึ้น และตลาดอีคอมเมิร์ซก็มีโอกาสในการเติบโตอย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกในการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้คนไทยหันมาช้อปออนไลน์กันมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกลุ่มเซ็นทรัลในการขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการค้าปลีกออนไลน์ของประเทศไทยอย่างแท้จริง ”นายทศ กล่าว
นายริชาร์ด หลิว ประธานและซีอีโอของ JD.com กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง เอื้อต่อการพัฒนาบริการด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทค การได้ร่วมงานกับกลุ่มเซ็นทรัล ธุรกิจค้าปลีกของไทยที่มีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าทั่วประเทศ ก็ช่วยเสริมศักยภาพและเป็นประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
