‘บิ๊กโบ้’รอกลุ่มเห็นต่าง พร้อมกำหนดพื้นที่เซฟตี้โซน ส่วนพวกสุดโต่งต้องใช้กฎหมาย-การทหารจัดการ

เมื่อวันที่ 16 กันยายน พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวถึงประเด็นความพร้อมในการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยและพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า การพูดคุยเพื่อสันติสุข เป็นแนวทางสันติวิธีที่ต้องใช้เวลาและขึ้นอยู่กับความพร้อมของทุกฝ่ายที่จะร่วมมือกัน โดยคณะพูดคุยได้ก้าวข้ามผลงานของตัวเองไปแล้ว แต่มุ่งไปสู ผลสัมฤทธิ์คือไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงและไม่มีความสูญเสียในพื้นที่เป็นสำคัญ สำหรับเรื่องการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยนั้น ในห้วงวันที่ 11 – 12 กันยายน ตนให้คณะทำงานเทคนิคร่วม เดินทางไปยืนยันกับขบวนการผู้เห็นต่างทุกกลุ่มว่า รัฐบาลไทยมีความจริงใจและมีความพร้อมในการดำเนินการทุกเรื่อง รวมทั้งภาคประชาชนในพื้นที่ก็ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการในการรักษาความปลอดภัยต่างๆ เพราะเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ทั้งนี้หากกลุ่มผู้เห็นต่างยังไม่มีความพร้อมก็จะทำให้โอกาสที่ภาคประชาชน จะเข้ามามีส่วนร่วมต้องล่าช้าออกไปอีก

พล.อ.อักษรากล่าวว่า แม้กลุ่มผู้เห็นต่างจะยังไม่มีความพร้อมในการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย ภาครัฐก็ต้องรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ทั้ง 37 อำเภอ ของจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว เพราะรัฐบาลตระหนักดีว่าความปลอดภัยของประชาชนเป็นความเร่งด่วนแรกที่สำคัญที่สุด มากกว่าโครงการพัฒนาต่างๆ ของส่วนราชการที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ ขณะเดียวกันการดำเนินการทุกเรื่องในพื้นที่ล้วนมีความสำคัญ ทั้งการพูดคุยเพื่อสันติสุข โครงการพาคนกลับบ้าน และโครงการพัฒนาด้านต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งต้องมีผลต่อเนื่องเชื่อมโยงกันให้เกิดความปลอดภัยในพื้นที่สูงสุด ส่งผลให้สามารถลดเหตุการณ์ความรุนแรง และลดการสูญเสียทั้งปวง มิใช่ต่างฝ่ายต่างดำเนินการไปโดย ไม่มีผลต่อกัน

“การพูดคุยจะยังดำเนินการต่อไปจนกว่าขบวนการผู้เห็นต่าง ทุกกลุ่มจะมีความพร้อมและยินยอมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และภาคประชาชน ในการจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัย เพื่อแสดงความจริงใจที่ทุกฝ่ายมีความตั้งใจ ที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง มิใช่เป็นเพียงการกล่าวอ้างเพื่อประโยชน์ของกลุ่มตน และภาคประชาชนในพื้นที่นั่นเองจะเข้ามาพิสูจน์ความจริงใจของทุกฝ่ายในพื้นที่ปลอดภัยดังกล่าวต่อไป” พล.อ.อักษรา กล่าว

หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มที่ยังมีแนวคิดสุดโต่ง นิยมใช้ความรุนแรงกดดัน รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางทหารอย่างเด็ดขาด จัดการกับคนกลุ่มนี้ต่อไป เพื่อความสงบสุขปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอาชีพและทุกศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image