เมื่อวันที่ 17 กันยายน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ทิศทางการเมืองไทยในสายตาประชาชน” จากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน1,109 คน ระหว่างวันที่12-16 กันยายนที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่คิดเห็นอย่างไรจากเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเมืองไทยในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกกฎหมายลูก การกำหนดวันเลือกตั้ง และการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มากที่สุดร้อยละ 74.57 ระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญ มีผลต่ออนาคตของบ้านเมือง ควรพิจารณาให้รอบคอบ รองลงมาร้อยละ 65.01 ระบุว่า อยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นทุกๆด้าน น้อยที่สุดร้อยละ 60.50 ระบุว่า อยากให้มีการเลือกตั้ง ประเทศเป็นประชาธิปไตย สำหรับ 3 อันดับเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองไทยที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุด ร้อยละ 81.88 ระบุว่า การกำหนดวันเลือกตั้ง ร้อยละ 68.35 ระบุว่า การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ร้อยละ 55.73 ระบุว่า การออกกฎหมายลูก
เมื่อถามว่า จากเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จะทำให้ความสนใจของประชาชนที่มีต่อการเมืองไทยเป็นอย่างไร ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 38.07 สนใจเพิ่มขึ้น เพราะการเมืองมีผลต่อประเทศชาติและประชาชน สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนร้อยละ 31.55 ระบุว่าสนใจเหมือนเดิมเพราะติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เป็นประจำ การเมืองเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ขณะที่ร้อยละ 30.38 ระบุว่า สนใจน้อยละ เพราะไม่คาดหวังกับการเมือง เป็นเกมการเมือง มีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง
เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่าการเมืองไทยจะมีทิศทางอย่างไร ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 47.88 ระบุว่า เหมือนเดิม เพราะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็เหมือนเดิม ยังไม่มีการเลือกตั้ง ยังมีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ร้อยละ 31.92 ระบุว่า ดีขึ้น เพราะ มีการทำงานเป็นระบบ วางแผนระยะยาว ดำเนินงานตามโรดแม็พ กำลังจะมีการเลือกตั้ง มีบทเรียนจากในอดีตที่ผ่านมา ส่วนร้อยละ 20.20 ระบุว่า แย่ลง เพราะ ความขัดแย้งฝังรากลึก เป็นเรื่องของอำนาจผลประโยชน์ นักการเมืองหน้าเดิม ยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ และเมื่อถามว่า ในช่วงระยะนี้นักการเมืองไทยควรมีบทบาทอย่างไร ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 72.86 ระบุว่า เป็นนักการเมืองที่ดี ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ร้อยละ 67.18 ระบุว่า ไม่ออกมาเคลื่อนไหว สร้างความวุ่นวาย และร้อยละ 55.82 ระบุว่า ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง
