ชาวบ้านต้านสร้างโรงไฟฟ้า กำนันชี้ ไม่ทำประชาคมก่อน ด้านกฟผ.ยันเดินหน้าสร้างต่อ

ชาวบ้านต่อต้านสร้างโรงไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.60 ที่วัดผาบ่องเหนือ ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ว่าที่ พันตรี ดร.อนุชาต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์ และสิ่งแวดล้อมโครงการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พร้อมเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบกับชาวบ้าน 2 หมู่บ้าน ได้แก่ ผาบ่องเหนือ ,ผาบ่องใต้ กว่า 500 คน นำโดย นายอมร ศรีตระกูล กำนันตำบลผาบ่อง เพื่อเจรจาทำความเข้าใจกรณีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จะเข้ามาทำการก่อสร้างโรงไฟฟ้าสมาร์ทกริด ในชุมชนบ้านผาบ่อง โดยเบื้องต้นได้ซื้อที่ดิน และถมที่จนแล้วเสร็จพร้อมจะทำการปักเสากั้นเขตแนวรั้วเพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าสมาร์ทกริด ซึ่งเกิดความขัดแย้งระหว่างการไฟฟ้ากับชุมชนมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี โดยชาวบ้านต้องการไฟฟ้ายุติการก่อสร้าง

นายอมร ศรีตระกูล กำนันตำบลผาบ่อง/ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย ว่า พื้นที่ที่จะสร้างโรงไฟฟ้าสมาร์ทกริด เป็นพื้นที่สีเขียว เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติไม่ต้องการให้เกิดปัญหามลพิษ การเข้ามาก่อสร้างโรงไฟฟ้าสมาร์ทกริดนอกจากจะทำให้เกิดการแตกแยกของคนในชุมชนแล้ว ตนได้รับผลกระทบมากมาย ทั้งถูกประชาชนกล่าวหาว่าไปรับเงินจากการไฟฟ้าและยังถูกข่มขู่จากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไม่ให้ต่อต้านการก่อสร้าง ยังถูกร้องเรียนไปยัง DSI ให้เข้าตรวจสอบทรัพย์สิน ยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกภายในชุมชนมากขึ้น ตลอดเวลาที่เป็นกำนันไม่เคยมีความขัดแย้งกับส่วนราชการ ประชาชน หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มีปัญหากับการไฟฟ้าเพียงหน่วยงานเดียว หากตนและครอบครัวเป็นอะไรไปขอให้ประชาชนในชุมชนรับรู้ไว้ และตนจะไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานด้วย เพราะการไฟฟ้าจะเข้ามาทำการก่อสร้างไม่เคยมานั่งพูดคุยกับประชนในชุมชน ไม่เคยมาทำประชาคม จึงเกิดการทะเลาะกันของคนในชุมชน และจะมาบอกว่าตนต่อต้านการก่อสร้าง

ว่าที่พันตรี ดร.อนุชาต ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์ และสิ่งแวดล้อมโครงการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงว่าการมีโรงไฟฟ้าสมาร์ทกริดจะทำให้ไฟฟ้าไม่ดับหรือดับน้อยลง และจะทำการก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมให้ประชาชนในชุมชนนำศิลปวัฒนธรรมมาจัดแสดงภายในโรงไฟฟ้าด้วย แม้การพูดคุยกับชุมชนจะล้มเหลว ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็ยังขอยืนยันว่าจะดำเนินการก่อสร้างต่อไป เพื่อมุ่งหวังประโยชน์ของประชาชนชาวแม่ฮ่องสอนทุกคน แต่ช่วงนี้จะยุติการเรื่องการถมที่ไว้ก่อน เพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น และขอยืนยันว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตไม่เคยไม่ข่มขู่หรือให้สินบนให้เงินกับกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เพื่อเข้ามาสร้างโรงไฟฟ้าจนทำให้เกิดความไม่เข้าใจของคนในชุมชน เมื่อการเจรจาล้มเหลวเราต้องเคารพความคิดเห็นของประชาชน ก็จะพูดคุยต่อไป เพราะโครงการนี้ต้องใช้เงินในการก่อสร้างมากถึง 700 ล้านบาท

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image