จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pittayarat Muenkaew โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 12 กันยายน พร้อมหลักฐานการโอนเงินทางอีแบงก์กิ้ง ระบุว่า “มีใครเคยโอนเงินผิดบัญชีบ้างคะ ขอคำแนะนำด้วยคร้า แจ้งธนาคารตั้งแต่วันแรก และแจ้งความ 3 รอบแล้ว ธนาคารบอกติดต่อเจ้าของบัญชีไม่ได้” ต่อมาวันที่ 17 กันยายน โพสต์อีกว่า “#จะโพสต์จนกว่าจะได้เงินคืน ได้โอนเงินผิดบัญชีไปของคนนี้ แจ้งความและเอาใบแจ้งความไปที่ธนาคารแล้ว แต่ธนาคารบอกว่าถ้าเจ้าของบัญชีไม่ยินยอมก็เอาเงินคืนไม่ได้ และธนาคารบอกว่าติดต่อเจ้าของบัญชีไม่ได้ คือหวังพึ่งธนาคารไม่ได้เลยค่ะ เดือดร้อนจริงๆ ค่ะจะโอนเงินให้พ่อ ส่วนตัวติดต่อเจ้าของบัญชีได้แล้วค่ะ แต่เค้าบอกว่าให้ไปแจ้งความเลย เค้าไม่กลัว คือเค้ารู้ตั้งแต่วันแรกแล้วค่ะว่ามีเงินโอนผิดเข้าบัญชี แต่เค้าไม่ยอมคืนค่ะ ญาติพี่น้องใครให้คืนเงินเราเถอะค่ะ ไม่ใช่เงินตัวเองทำไมกล้าเอาไปใช้”
อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กันยายน เจ้าของเฟซบุ๊กได้โพสต์หลังได้เงินคืนว่า “ขอบคุณ ทุกกำลังใจค่ะ และขอบคุณน้องสาวเค้าโอนเงินคืนมาให้ค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ ฝ่ายอิ๋มจะไปถอนแจ้งความและหยุดทุกกระบวนการที่ได้ดำเนินไว้ค่ะ และที่ขาดไม่ได้คือแอดมินเพจ social hunter ค่ะ”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กันยายน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกฎหมายกรณีโอนเงินผิดว่า กรณีการโอนเงิน ฝากเงินไปผิดบัญชี ผู้รับเงินไว้ต้องคืนเจ้าของ ต้องไม่ยอมรับเงิน เพราะอาจถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญาเรื่องยักยอกทรัพย์ ตามมาตรา 352 เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าทรัพย์นั้นตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังถูกฟ้องเรียกเงินคืนในทางแพ่ง เพราะรับเงินไว้โดยไม่ชอบ ไม่มีสิทธิรับเงิน ยึดหน่วงเงินเพราะไม่มีหนี้ต้องชำระกันต่อ
