สสส. ย้ำมาตรการขึ้นภาษี ‘เหล้า-บุหรี่’ไม่กระทบคนทั่วไปที่ไม่ดื่มไม่สูบ

จากกรณีเว็บไซต์โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ประกาศราคาขายบุหรี่หลัง พ.ร.บ.ภาษีสรรพาสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 กันยายน2560 โดยพบว่าราคาถูกสุดคือ 60 บาท และแพงสุด 95 บาท โดยบางยี่ห้อปรับราคาเพิ่มขึ้นถึงซองละ 9 บาท ซึ่งที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การปรับขึ้นภาษีบุหรี่และเหล้าเป็นการผลักภาระให้แก่ประชาชนและไม่น่าช่วยให้เลิกสูบเลิกดื่มได้จริง

เมื่อวันที่ 18 กันยายน นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ต้องชี้แจงก่อนว่า บุหรี่และสุราไม่ใช่สินค้าธรรมดา แต่เป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคนอื่นและสังคม จึงต้องมีการควบคุมด้วยภาษี ต่างจากสินค้าธรรมดาที่ไม่ต้องมีภาษีควบคุม ซึ่งการคิดภาษีของบุหรี่และสุราก็ผ่านการคิดคำนวณอย่างรอบด้าน ทั้งการคำนวณด้านเศรษฐศาสตร์ ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของบุหรี่และสุรา การขาดงาน และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งพบว่า ความเสียหายจากบุหรี่คิดเป็นเงินกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท ความเสียหายจากสุราสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท ขณะที่รายรับจากสรรพาสามิตของบุหรี่อยู่ที่ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท และสุราอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศไทยขาดทุนจากสินค้าเหล่านี้ แต่เป็นการขาดทุนที่คนมองไม่เห็น

“หากบุหรี่และสุราไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลอื่น เช่น ไม่ทำให้เกิดการรับควันบุหรี่มือสองมือสามจนกลายเป็นมะเร็ง หรือไม่ทำให้เกิดการเมาแล้วขับรถชน หรือทะเลาะวิวาทตบตีกัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีภาษีควบคุม แต่บุหรี่และเหล้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น สินค้าเหล่านี้จึงไม่ควรปล่อยขายอย่างเสรี ซึ่งมาตรการทางภาษีเป็นหนึ่งในมาตรการที่ทั่วโลกพิสูจน์แล้วว่า เมื่อขึ้นภาษีแล้วสามารถช่วยลดการบริโภคลงได้และรัฐได้รายได้เพิ่มขึ้น” นพ.บัณฑิต กล่าว

เมื่อถามถึงข้อกังวลว่าจะเป็นการผลักภาระให้ประชาชน เพราะราคาแพงขึ้น นพ.บัณฑิต กล่าวว่า เมื่อเป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลอื่นและสังคม จึงจำเป็นต้องมีภาษีควบคุม ดังนั้น คนดื่มหรือคนสูบก็ต้องเป็นผู้แบกรับภาระตรงนี้ ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้ดื่มหรือไม่ได้สูบอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ก็สบายใจได้ว่าไม่ต้องรับผลกระทบจากการขึ้นภาษี เพราะไม่ใช่ผู้บริโภคสินค้าเหล่านี้ ขณะเดียวกันการขึ้นภาษีถือเป็นกลไกการคุ้มครองประชาชนทั่วไปที่ไม่ดื่มไม่สูบด้วย เพราะรัฐจะได้มีเงินมาช่วยเยียวยาคนอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการดื่มหรือการสูบ เช่นเดียวกันหากผู้ดื่มหรือผู้สูบมีความรู้สึกว่าไม่อยากจ่ายเงินมาก ทางที่ดีที่สุดก็คือการลดละเลิกการดื่มหรือการสูบลงก็ดีต่อสุขภาพของตนเองด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image