ตามที่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560 จะจัดตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีผู้บริหารองค์กรสื่อแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศพนักงานในสังกัด ซึ่งปรากฏเป็นข่าวต่อมาคือ สถาบันและสำนักข่าวอิศรา แต่สถาบันฯก็ได้ออกแถลงการณ์ 2 ฉบับ ระบุถึงกรณีดังกล่าวไม่ปรากฏผู้เสียหาย เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล และยืนยันว่าผู้บริหารที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว มิได้มีพฤติกรรมดังกล่าว อีกทั้งมองว่าการกล่าวหาดังกล่าวเพียงแค่ต้องการทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของผู้บริหารและสถาบันฯนั้น
เมื่อวันที่ 19 กันยายน เครือข่ายบุคคลและองค์กรต่อต้านความรุนแรงทางเพศ นำโดย นางทิชา ณ นคร ออกแถลงการณ์เรียกร้องความรับผิดชอบจากสถาบันและสำนักข่าวอิศราและองค์กรวิชาชีพสื่อ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเป็นกลาง โปร่งใส และเป็นธรรม กรณีข่าวการคุกคามทางเพศระหว่างผู้บริหารและพนักงานในองค์กรสื่อ ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่สำคัญตอนหนึ่งว่า ปฏิกิริยาตอบโต้ของสถาบันฯ ยังไม่ได้แสดงถึงความรับผิดชอบอย่างเพียงพอ เพราะแทนที่จะเร่งรัดให้มีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง โปร่งใส และเป็นธรรม สถาบันฯ กลับรีบด่วนออกมาประกาศยืนยันรับรองความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา และประกาศจะต่อสู้ยืนหยัดร่วมกับผู้ถูกกล่าวหา โดยอาศัยเพียงการสอบถามข้อมูลจากบุคคลแวดล้อมและตัวผู้ถูกกล่าวหาเอง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่รอบด้าน และมีโอกาสสูงที่จะเป็นข้อมูลที่โน้มเอียงเข้าข้างผู้ถูกกล่าวหา
ทั้งนี้ สถาบันฯยังหยิบยกเอาประวัติคุณงามความดีในการปฏิบัติงานด้านอื่นของผู้ถูกกล่าวหา มาเป็นเหตุผลรับรองความบริสุทธิ์ในกรณีการคุกคามทางเพศ ซึ่งไม่ใช่หลักฐานข้อพิสูจน์โดยชัดแจ้งว่า บุคคลดังกล่าวจะไม่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ จึงเป็นคนละกรณีกัน
แถลงการณ์ระบุอีกว่า กรณีที่สถาบันฯกล่าวอ้างว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายออกมาแสดงตัว ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีที่จะนิ่งเฉย ไม่ดำเนินกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆ เพราะหากสถาบันฯ มีความจริงใจและมุ่งมั่นที่จะทำความจริงในเรื่องดังกล่าวให้ปรากฏ ย่อมไม่พ้นวิสัยของสถาบันฯ ที่จะสืบหาตัวผู้เสียหาย และมอบหมายให้คณะบุคคลที่ไว้วางใจได้ว่าเป็นกลางและมีความละเอียดอ่อน ทำหน้าที่สอบถามปากคำจากผู้ร้องเรียนหรือผู้เสียหายได้
ขณะที่สถาบันฯได้กล่าวหาผู้ที่เป็นต้นตอของการเผยแพร่ข่าวดังกล่าว คือผู้เสียผลประโยชน์การรายงานข่าวการทุจริตต่างๆ ของสถาบันฯ และยังมีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่ข่าวรายหนึ่ง ถือเป็นการปักป้ายเหมารวมผู้ที่อาจเป็นผู้เสียหายจากการคุกคามทางเพศโดยแท้จริง หรือเป็นผู้ที่รับทราบข้อมูลและต้องการเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรมโดยบริสุทธิ์ใจ และอาจถูกมองว่าเป็นความพยายามที่จะปิดปาก มิให้บุคคลเหล่านี้กล้าออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงหรือเรียกร้องใดๆ ต่อไป
ฉะนั้น วิธีการตอบโต้ต่อสถานการณ์ของสถาบันฯ ได้สร้างความคลางแคลงใจในความจริงใจและมุ่งมั่นของสถาบันฯ ที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อมีการกล่าวหา ว่ามีการประพฤติผิดหรือใช้อำนาจโดยมิชอบภายในสถาบันฯ เอง และจะทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันฯ ในฐานะองค์กรสื่อที่ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบและนำเสนอข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการประพฤติผิดและใช้อำนาจโดยมิชอบในหน่วยงานต่างๆ อย่างจริงจังและมุ่งมั่นมาโดยตลอด
การนี้ เครือข่ายบุคคลและองค์กรต่อต้านความรุนแรงทางเพศ จึงขอเรียกร้องให้สถาบันและสำนักข่าวอิศราแสดงความรับผิดชอบ ดังนี้ 1.เร่งดำเนินการให้มีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง โปร่งใส และเป็นธรรม โดยเชิญบุคคลภายนอกที่มีความเป็นกลาง และมีประสบการณ์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการใช้อำนาจทางเพศโดยมิชอบ เข้าร่วมการตรวจสอบด้วย 2.เปิดทางให้องค์กรวิชาชีพสื่อดำเนินกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่กันไป และ3.เสนอแนะให้ผู้เกี่ยวข้องถอนแจ้งต่อความผู้เผยแพร่ข่าวตามที่ได้มีการแจ้งความไว้
สุดท้ายนี้ เครือข่ายฯขอเรียกร้องให้องค์กรวิชาชีพสื่อที่เกี่ยวข้อง ดำเนินกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้ให้ถึงที่สุดด้วย เพื่อให้วิชาชีพสื่อมีความสง่างาม และคงความน่าเชื่อถือ ในฐานะวิชาชีพที่มุ่งนำเสนอความจริงเพื่อความถูกต้องเป็นธรรมในสังคมต่อไป
