“หอค้าญี่ปุ่น”ชี้นักลงทุนญี่ปุ่นกว่า40%สนใจลงทุนด้านการแพทย์ในอีอีซี

นายโซจิ ซาคาอิ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ เปิดเผยว่า ผลการเยือนประเทศไทยของคณะญี่ปุ่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งจากการสำรวจของหอการค้าญี่ปุ่น – กรุงเทพ พบว่าประมาณ 40% ของบริษัทสมาชิกแสดงความสนใจที่จะลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และมีแนวโน้มจะลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต หากโครงการลงทุนของรัฐบาลมีความชัดเจน และเป็นรูปธรรมมากขึ้น อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนารถไฟความเร็วสูงในพื้นที่ ทั้งนี้หอการค้าญี่ปุ่นฯ ได้ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายอีอีซี ถึงนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 1.ปรับปรุงกฎหมายด้านการร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระหว่างภาครัฐกับเอกชน (พีพีพี) ด้วยการแบ่งปันความเสี่ยงที่เหมาะสมระหว่างรัฐบาลและเอกชน เพื่อให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถมีส่วนร่วมในลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆในประเทศไทยได้ 2.ปรับปรุงระบบที่จะช่วยให้ธุรกิจใหม่ ๆ สามารถเริ่มทำธุรกิจได้โดยการผ่อนคลายกฎระเบียบ และ 3.เสริมสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมภายในประเทศของไทยโดยการแยกบทบาทของแรงงานระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

“นอกจากนี้ รัฐบาลไทยควรเร่งรัดการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซีให้เสร็จตรงตามแผนการที่รัฐบาลระบุ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในพื้นที่ รวมทั้งควรมีโครงสร้างพื้นฐานสนามทดสอบ เพื่อให้ในการทดสอบผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตในพื้นที่เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น การพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอต่ออุตสาหกรรมที่ทางญี่ปุ่นจะเข้ามาลงทุน รการส่งเสริมภาคบริการ และการกำหนดนโยบายส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนให้สนับสนุนบริษัทใหม่ และบริษัทเก่าที่ลงทุนในโครงการลงทุนเพิ่มเติม ทั้งนี้ญี่ปุ่นมองว่า ไทยมีความน่าสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพอย่างมาก เนื่องจากไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกับญี่ปุ่น จึงมีความเป็นไปได้ที่ทางญี่ปุ่นจะเข้ามาลงทุนด้านอาหารเสริม และอาหารสุขภาพ อย่างไรก็ตามในระยะแรกอาจเป็นลักษณะการเข้ามาตั้งบริษัทซื้อขายสินค้าเพื่อสำรวจตลาดก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณาว่าจะมีการตั้งโรงงานหรือไม่”นายซาคาอิ กล่าว

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยประเมินว่า การลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอีอีซีของภาครัฐเฉลี่ย 3 แสนล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 5 ปี รวมกับการลงทุนต่าง ๆ จากภาคเอกชนแล้ว จะสามารถเพิ่มตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ได้ประมาณ 1 – 1.5% ต่อปี ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้พบว่า เริ่มมีนักลงทุนต่างชาติได้ให้ความเชื่อมั่นและประกาศแผนการลงทุนในอีอีซีบ้างแล้ว อาทิ แอร์บัส โบอิ่ง และอาลีบาบา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image