เปิดแล้ว! สถาบันโรคผิวหนังสาขาศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ พร้อมเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ 5 ตัว

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงข่าว “เปิดตัวศูนย์บริการโรคผิวหนังรูปแบบพิเศษ สถาบันโรคผิวหนัง สาขาศูนย์ราชการ และการพัฒนาตำรับยาและเวชสำอางสถาบันโรคผิวหนังสู่การผลิตเชิงพาณิชย์”  ว่า สถาบันโรคผิวหนัง มีความเป็นเลิศในการรักษาโรคผิวหนังมากถึง 15 สาขา และให้บริการมานานกว่า 40 ปี ได้พัฒนานวัตกรรมต่างๆ ของตัวเองเพื่อใช้งานภายในสถาบันฯ ล่าสุดได้จับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำนวัตกรรมเหล่านั้น มาต่อยอดเพื่อการผลิตในเชิงพาณิชย์ ซึ่งคิดว่าสุดท้ายจะมีส่วนช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการนำพาประเทศหลุดจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และมีการเปิดสถาบันโรคผิวหนังสาขา 2 ซึ่งให้บริการทุกอย่างเหมือนที่สถาบันใหญ่ อัตราค่ารักษาเท่าเดิมซึ่งไม่แพง เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาและบริการทางด้านผิวหนังเพิ่มมากขึ้น

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า เพื่อสอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ทางสถาบันโรคผิวหนังเดินหน้าสู่การเป็นสกินแคร์ 4.0 (Skincare 4.0) โดยชูบริการแชมป์เปี้ยน (Service Champion) และผลิตภัณฑ์แชมป์เปี้ยน (Product Champion) ทั้งนี้ในส่วนของบริการแชมป์เปี้ยนนั้น ขณะนี้ได้เปิดสถาบันโรคผิวหนังสาขา ขึ้นที่ชั้นใต้ดินของอาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพราะจากการสำรวจผู้ป่วยที่มาใช้บริการที่สถาบันโรคผิวหนัง  บริเวณถนนราชวิถีนั้นพบว่ากว่าร้อยละ 20-30 เป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่จ.นนทบุรี ปทุมธานี และนครนายก ดังนั้นจึงเปิดสาขาที่ศูนย์ราชการฯ ขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางเข้าไปในเมือง และช่วยลดความแออัดที่สถาบันใหญ่ได้

“การให้บริการนั้นจะเหมือนที่สถาบันใหญ่ทุกอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของการทำเลเซอร์นั้นจะดีกว่าตรงที่สามารถทำให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว ในขณะที่ถ้าไปทำที่สถาบันใหญ่ ซึ่งมีผู้ป่วยเยอะอาจจะต้องรอคิวนานถึง 1 เดือน ส่วนอัตราค่าบริการนั้นยังอยู่ที่อัตราเดิมตาม เปิดรับบัตรคิว 07.00 น. แต่ให้บริการจริง 10.00 -18.00 น. ทุกวัน จันทร์-ศุกร์” พญ.มิ่งขวัญ กล่าว

Advertisement

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวอีกว่า   ส่วนผลิตภัณฑ์แชมป์เปี้ยนนั้น ที่ผ่านมาสถาบันโรคผิวหนังมีการพัฒนาตัวยา และนวัตกรรมขึ้นใช้เองภายในสถาบันกว่า 150 รายการก็มาวิเคราะห์กันต่อจนในเฟสแรกก็ได้ผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน 5 ตัวที่มีการต่อยอดในเชิงพาณิชย์ คือ 1.สบู่เหลวล้างหน้า-อาบน้ำ 2. ครีมบำรุงผิวหน้า 3. ครีมกันแดดที่มีค่า เอสพีเอฟ 30 พีเอ+++ ที่ทำให้มีค่า 30 เพราะพบว่าการเพิ่มค่าดังกล่าวนั้นต้องมีการเติมสารเคมีลงไป 4.เซรั่มบำรุงผิว และ ถุงเท้ารักษาปัญหาส้นเท้าแตก ส่วนเฟส 2 มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขั้นสูงอีก 15 ตัว ที่คาดว่าน่าจะสามารถออกได้ภายในปี 2561

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image