นายกฯ ย้ำ พูดคุยสันติสุขกับผู้ก่อความไม่สงบ ต่อไป ท้าคนดีแต่พูด ทำงานแทนจนท.

เมื่อเวลา 14.00 น.ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงถึงความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จะยังคงเดินหน้าพูดคุยต่อไป ไม่อยากให้ปลุก เพราะจะไปไล่ล่าฆ่าฟันกันให้หมดไปข้างหนึ่ง ต้องดูว่ากลุ่มที่พูดคุยมาครบหรือยัง ใครที่ยังไม่มาก็ต้องพยายามให้เขามา ถ้าตราบใดที่ยังมาไม่ครบ ยังรวมกลุ่มกันไม่ได้ ก็กำหนดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น มีอยู่ 3 กลุ่มทำ อีก 2 กลุ่มไม่ทำ หรือ 3 กลุ่มหยุด อีก 2 กลุ่มไม่หยุดแล้วจะทำอย่างไร ซึ่งรัฐบาลจะให้ความโปร่งใสในการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม วันนี้อยากให้ทุกคนพึงระลึกเสมอว่าสิ่งใดก็ตามที่มีผลกระทบต่อการแก้ไขสถานการณ์ในภาคใต้ รัฐบาลจะระวังอย่างที่สุด เพราะเป็นประเด็นที่ต่างชาติให้ความสนใจ

นายกฯ กล่าวว่า และสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ทุกคนต้องรู้คือการเกิดเหตุในภาคใต้มันไม่เหมือนในภูมิภาคอื่นในโลกใบนี้ ตนพูดมาตั้งแต่เป็นผบ.ทบ.แล้ว เพราะคนเหล่านี้เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง ใช้เทคนิคและยุทธวิธีที่ทำให้การตรวจสอบและการจับกุมเป็นไปได้ยาก เป็นการกระทำอิสระ แต่เขาไม่ได้รวมและยึดพื้นที่ ไม่มีกองกำลังที่ปรากฎกายชัดเจน หรือประกาศตัวเหมือนประเทศอื่น ๆ ที่ผ่านมาเป็นคนไทยทั้งสิ้น นับถือศาสนาต่างกัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีคนปลุกปั่นทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น เราจึงต้องแก้ด้วยกระบวนการและสันติวิธี บังคับใช้กฎหมายปกติ

นายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลใช้พรก.ฉุกเฉินหรือพรบ.ความมั่นคง เป็นเพียงการกำหนดเพิ่มเติมจากกฎหมายปกติ เช่นการตรวจค้นหรือตั้งด่านสกัดเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด และเราเรียกคนเหล่านี้ว่าผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายที่มีพื้นที่ที่ยึด มีกองกำลัง มีการสนับสนุนจากต่างประเทศ ต้องตีความให้ได้ ซึ่งเราเรียกแบบนี้ แม้จะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แต่ก็มีทั้งขึ้นและลง ไม่มีการห้ามประชาชนให้เดินทางไปในเส้นทางต่าง ๆ ทุกคนมีอิสระเสรี ดังนั้นคนที่มีความเสี่ยงก็มีอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งคนเหล่านี้จะมีอันตราย รัฐบาลจึงต้องดูแลทั้งครู พระ และนักเรียน ดังนั้นต้องคำนึงว่าข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว มีความเสียสละ ซึ่งค่าตอบแทนไม่ได้มากมาย และต้องไปเปิดตัวในการคุ้มครองคนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ รวมถึงตั้งด่าน จุดสกัด พอเข้มงวดประชาชนที่ไม่มีผลกระทบก็เดือดร้อนไปด้วย ก็ไม่ยอมอีก ดังนั้นการทำอะไรก็ตามที่หลายคนมองว่าปล่อยปละละเลยแต่ทุกด่านตรวจในประเทศไทย มีบ้างหรือไม่ที่ตรวจรถทุกคันได้ ประเทศอื่นก็เป็นแบบนี้ ต้องสุ่มตรวจรถที่ต้องสงสัยหรือมีการแจ้งมา แต่รถทั่วไปตรวจทุกคันไหวหรือไม่ ดังนั้นคนที่พูดเก่งๆ ไปยืนเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจด่านและเปิดประตูรถทุกคันให้ตนดูหน่อย หรือตรวจมอเตอร์ไซด์ทุกคันเป็นหมื่นๆ คันให้ตนดูหน่อย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีความรุนแรงหรือมีสถานการณ์แย่ที่สุด ต้องมีการตรึงพื้นที่หรือปิดล้อม ตรวจค้นใช้กฎหมาย ใช้ยุทธวิธีทางทหารกวาดล้าง เราทำอย่างนั้นไม่ได้เลย เพราะเขาไม่ได้เปิดเผยกำลังให้เราเห็น ไม่มีจุดรวมพลเป็นค่ายหอรบสู้กับเรา เขาก็อยู่กันแบบนี้ ถึงเวลาก็เอาวุธมาลอบยิง ลอบวางระเบิด เราจึงต้องสู้ทุกมาตรการ ไม่อยากให้ทุกคนขยายไปเรื่อยๆ จนท้ายสุดเป็นความขัดแย้งระหว่างไทยพุทธ และไทยมุสลิม แล้วจะได้อะไรขึ้นมา ตนอยากจะรู้นัก วิจารณ์กันออกไป ไม่มีหลักการ ไม่มีความรู้ทางยุทธวิธี ท่านคิดได้หมดทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ท่านก็คิด เช้าก็เขียน วิจารณ์ ท่านเคยรู้เทคนิคทางการทหารหรือไม่ว่าคืออะไร และอะไรที่จะทำให้เหตุการณ์บานปลาย อะไรที่ป้องกันต่างประเทศไม่ให้ภายนอกมาเกี่ยวข้อง ทุกคนเรียกร้องรัฐบาลทำทุกอัน ซึ่งภาระมันเยอะอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ลำบากอยู่แล้ว และนี่ยิ่งเขียนยิ่งทำให้แย่ลงๆ ทุกวัน และมันก็แก้ไม่ได้และเสียไปใครรับผิดชอบ ก็รัฐบาลอีก มีใครรับผิดชอบ

Advertisement

“ไอ้พวกนักวิจารณ์ ไม่มีสักคน วิจารณ์ในทางสร้างสรรค์ผมรับได้หมด แต่ไม่ใช่วิพากษ์วิจารณ์เหมือนรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ทำไมไม่ใช้กำลังกวาดล้าง ตรวจทุกตารางนิ้ว แล้วมันทำได้หรือไม่ สื่อรวมหัวเสนอผมมาให้กวาดล้างทุกหมู่บ้าน ทุกพื้นที่เอาไหม แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น คิดกันหรือไม่ วันนี้ใช้การสืบสวน จับกุมดำเนินคดี เสร็จแล้วก็ไปละเมิดสิทธิอีก แล้วจะให้ผมทำอะไร เจ้าหน้าที่ทำอะไรได้ ท่านเบนซ้าย เบนขวาจนทุกอย่าล้มเหลวไปหมด นี่เหรอการให้กำลังใจในการทำงาน การแก้ปัญหาประเทศชาติ มันเป็นแบบนี้เหรอ คิดซะใหม่ ผมพูดถึงคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่มีข้อมูล ไม่มีความรู้ ผมไม่ได้ดูถูกท่าน ผมก็วิจารณ์ท่านได้ ถ้าผมนั่งวิจารณ์สื่อวันนี้ วิจารณ์ได้ 3 วัน และท่านรับผมได้หรือไม่ ผมก็ไม่อยากไปวิจารณ์ท่าน แต่การวิจารณ์ของท่านมันเสียหายประเทศ ผมขอร้องโดยเฉพาะพวกนักวิชาการหรือสื่อที่หวังดี เจตนาดี เจตนาบริสุทธิ์ แต่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ ไม่มีหลักคิด มันก็ไปเรื่อย” นายกฯกล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาคือเรื่องการจัดรายการบางรายการ ที่เป็นเรื่องบุคคล เรื่องของกระบวนการ แต่เอาทุกอย่างมาเป็นประเด็นทั้งหมด แล้วคนจะมีความสุขหรือไม่ เอาเรื่องในหนังสือพิมพ์มาตีแผ่ไปอีก แล้วเอาคู่ขัดแย้งมาเถียงกันในทีวี แล้วได้อะไร สนุก มันส์ แล้วความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่ตรงไหน และบางทีเหมือนกันการให้ท้ายคนทำความผิด คนทำความไม่ดีอยู่แต่ท่านเอามาตอบโต้ในสิ่งที่กำลังจะแก้ไข ตนถามว่ามันใช่หรือไม่ ประเทศจะสงบหรือไม่แบบนี้ ทำแทบตายก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา นับวันอารมณ์ตนก็ไปเรื่อย บอกตนต้องอดทน แต่ตนจะอดทนไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ตนต้องให้ท่านเหยียบย่ำอยู่ทุกวันนี้ แต่ตนอดทนให้ประชาชน 70 ล้านคนที่คาดหวังกับตน ไม่ได้อดทนกับท่าน เขาคาดหวังกับสื่อ ท่านก็ต้องทำดีให้เขารับรู้ มีหลักคิดที่ถูกต้อง ถ้ายังกลับไป กลับมาอย่างนี้ ไร้ประโยชน์ ไม่ต้องมาหรอก ตนเป็นรัฐบาล ก็ไม่ต้องทำอะไร นั่งเฉย ๆ ใครเสนอโครงการมาก็อนุมัติโครม ๆ ใช้เงินสบายดี ประชาชนได้เงินทุกคน ประเทศชาติจะล่มจมอย่างไรก็ช่างมัน ประเทศชาติจะตีกันอย่างไรก็ช่างมัน ต่างชาติจะเข้ามาก้าวล่วงอธิปไตยไทยอย่างไรก็ช่างมัน นั่นคือสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้ ไม่มีใครเขารู้หรอกถ้าเราไม่ไปประจานตัวเองกันออกไปในสิ่งที่ไม่ควรจะวิพากษ์วิจารณ์จนเสียหายกันทั้งหมด และอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย หลายคนตัวเองก็มีปัญหา ตนไม่ต้องการจะปกปิด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งสิ้น ฟังเหตุผลกันซะบ้าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image