วาระซ้อนยูเอ็น โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในช่วงเวลานี้ ผู้นำดาวดังระดับโลกที่ไม่ได้ไปร่วมประชุมแน่นอนแล้วก็มีนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา หรือผู้นำพม่าตัวจริง เพราะติดหล่มอยู่ในวิกฤตชาวโรฮิงยาในรัฐยะไข่

ส่วน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ติดเตรียมการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในเดือนหน้า ซึ่งมีคิวสำคัญในการเลือกคณะกรรมการบริหารโปลิตบูโรชุดใหม่ และท่านน่าจะได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งผู้นำวาระที่สองต่อไปอีก 5 ปี

อย่างไรก็ตาม การประชุมใหญ่ของยูเอ็นครั้งนี้ ยังมี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำชาติมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาชูโรงอยู่ ในฐานะเข้าร่วมครั้งแรก หลังจากเคยกล่าวค่อนแคะว่า การประชุมสมัชชาของยูเอ็นเป็นแค่เวทีดีแต่พูด

เที่ยวนี้ท่านทรัมป์เพิ่งมาช่วยจุดประเด็นว่า ยูเอ็นต้องปฏิรูปให้ใช้ระบบราชการลดลง ไม่เช่นนั้นทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพ องค์กรมีแต่บวมและเพิ่มงบประมาณไปเรื่อยๆ ไม่คุ้มค่า

Advertisement

ถึงท่าทีคุณทรัมป์จะดูเชิดๆ หยิ่งๆ สไตล์นักบริหารผู้มั่นใจในตัวเองสูง แต่แนวคิดนี้ก็มีส่วนถูก และยูเอ็นน่าจะไปคิดไตร่ตรองกันต่อไป

สำหรับประเทศไทย เมื่อถึงการประชุมประจำปีของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อใด ก็หมายถึงวาระการครบรอบเหตุการณ์รัฐประหารของไทย เมื่อปี 2549 ทุกครั้ง

ปีนี้เป็นวาระครบรอบปีที่ 11 แล้วและยังอยู่ในช่วงสมัยแห่งการรัฐประหารที่ต้องรอการเลือกตั้งอยู่

เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ถือว่าประเทศไทยเซอร์ไพรส์ประชาคมโลกอย่างชนิดไม่แคร์ใครและไม่สนด้วยว่าใครจะมองอย่างไร

แม้อาการไม่แคร์โลกจะไม่ถึงระดับคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือที่สั่งให้ยิงขีปนาวุธกับจุดระเบิดเอชบอมบ์สะท้านโลก แต่ก็ถือว่ามีความระห่ำอยู่พอสมควร

เพราะกล้ารัฐประหารทั้งๆ ที่ผู้นำจากการเลือกตั้งยังนั่งเป็นตัวแทนประเทศไทยอยู่ที่สำนักงานสหประชาชาติในนครนิวยอร์ก บางคนในประเทศสะใจและดีใจมากจนต้องออกไปถ่ายรูปเซลฟี่กับรถถังและมอบดอกไม้ให้เจ้าหน้าที่ทหาร

ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการทำลายประชาธิปไตยแบบนี้คงพูดไม่ออกบอกไม่ถูกทีเดียว ว่าช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายขนาดไหนที่ไทยแลนด์แสดงความล้าหลังได้ถึงแก่น

ในขณะที่ประเทศแสดงตัวว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เอาชนะคอมมิวนิสต์ได้ในยุคสงครามเย็น แต่กลับมีปรากฏการณ์กองทัพแทรกแซงการเมืองและยึดอำนาจอยู่เป็นนิจ

ปัญหาใหญ่เมื่อ 11 ปีก่อนเป็นอย่างไร และวันนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้นก็คือการละเมิดสิทธิของผู้อื่นอย่างไม่ไยดี

บรรดาผู้อ้างตัวว่าเป็นคนดีเกาะกลุ่มกันตั้งกติกาคิดเองเออเอง จัดสรรใช้งบประมาณกันเองอย่างไม่ต้องเกรงใจว่าตาสีตาสาแกจะคิดเห็นอย่างไร เพราะตาสีตาสาในสายตานั้นไม่ฉลาดและมีคุณธรรมเหนือไปกว่าพวกตน

หากปล่อยให้คิดเองก็อาจจะเป็นเหมือนกบเลือกนกกระสากลับมาอีก

ถ้าคิดได้เท่านี้ ตาสีตาสาคงต้องรอลุ้นต่อไปว่าการประชุมสมัชชาสหประชาชาติปีหน้า ไทยแลนด์จะได้เลือกตั้งแล้วหรือไม่

…………….

ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image