กรมพลศึกษาดึง ‘โค้ชโย่ง’ ร่วมเสวนาร่าง พ.ร.บ.ผู้ฝึกสอนผู้ตัดสินกีฬา

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560 ที่ห้องกษัตริย์ศึก 1 โรงแรมเดอะทวิน ทาวเวอร์ นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ รองอธิบดีกรมพลศึกษา เป็นประธานเปิดการประชุมเสวนา เรื่องร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมมาตรฐานผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสินกีฬา พ.ศ. …โดยมีนายพัชระ ตั้งพานิช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬา และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการกีฬา ร่วมด้วย

สถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬา กรมพลศึกษา จัดการประชุมเสวนา เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมมาตรฐานผู้ฝึกสอนกีฬาและผู้ตัดสินกีฬา พ.ศ. … เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ ให้กับกลุ่มผู้บริหารและผู้แทนสถาบันการศึกษาด้านพลศึกษาและการกีฬาทั่วประเทศ รวมทั้งทราบถึงบทบาท และการสร้างความพร้อมรองรับเมื่อพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ ซึ่งการประชุมเสวนาฯ ครั้งนี้ วิทยากร ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการกีฬา ประกอบด้วย นายสุรพล ทิพย์เสนา ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายการศึกษาขั้นพื้นฐานและการกีฬาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ,นายอะคร้าว แสงสิทธิ์ ผู้แทนการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผศ.ดร.นิลมณี ศรีบุญ ที่ปรึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาและพัฒนากีฬา ,”โค้ชตึก” ธนาวิชญ์ โถสกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย และ“โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดเหรียญทองทอง ซีเกมส์ 2017

นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ รองอธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวว่า “โดยกรมพลศึกษาการประชุมเสวนาในครั้งนี้จะเป็นการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในบทบาท หน้าที่ และให้เกิดความพร้อมของสถาบันการศึกษา เมื่อพระราชบัญญัติฯ มีผลบังคับใช้ ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมมาตรฐานผู้ฝึกสอนกีฬาและผู้ตัดสินกีฬา พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 และอยู่ในระหว่างเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2560 โดยคาดว่าพระราชบัญญัติส่งเสริมมาตรฐานผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสินกีฬา จะมีผลบังคับใช้ภายในปี พ.ศ. 2560 หรือย่างช้าสุดคือต้นปี พ.ศ.2561”

ด้าน“โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ ผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดเหรียญทองทอง ซีเกมส์ 2017 กล่าวถึงว่า “ การมีพระราชบัญญัติฉบับนี้ ผู้ฝึกสอนจะได้รับการพัฒนาความรู้ ทักษะการปฏิบัติงาน อย่างมีมาตรฐานตามหลักวิชาการ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ซึ่งตัวผู้ฝึกสอนเองยังจะได้รับการช่วยเหลือ ดูแล และปกป้องสิทธิหรือผลประโยชน์ ในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งความช่วยเหลือด้านกฎหมาย หากมีคดีอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ฝึกสอนกีฬา ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฝึกสอนกีฬาทุกชนิดของประเทศไทยอย่างแน่นอน”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image