เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 กันยายน ที่ศาลล้มละลายกลาง ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป และนายธรรมนูญ อัตโชติ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากประชาชนผู้เสียหายจากสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น 275 คน พร้อมนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ เดินทางมายื่นคำฟ้องคดีอาญาต่อสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และผู้บริหารอีก 2 คน เป็นจำเลย
คำฟ้องระบุว่า จำเลยทั้ง3ได้ทำสัญญาประนีประนอมกับบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี2จำกัด เป็นการจำหน่าย จ่าย โอน ทรัพย์สิทธิในที่ดิน ตั๋วแลกเงิน และหุ้นของบริษัทเอ็ม-โฮม เอสพีวี 2 จำกัด ทำให้โจทก์ชึ่งเป็นประชาชนในฐานะเจ้าหนี้จำนวน 275 คนเสียหาย อันเป็นการกระทำความผิดอาญา ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 หมวด 3/1 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ อันเป็นความผิดตาม มาตรา 90/67 และ มาตรา 90/88 ประกอบมาตรา 90/89 และเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 90/12 (9) ต้องรับผิดตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 90/82 ประกอบมาตรา 90/89 ด้วย
นอกจากนั้นยังปรากฏว่า สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ซึ่งสั่งให้ชำระหนี้แก่ประชาชนกว่า100ราย แต่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกลับกลั่นแกล้งหน่วงเหนี่ยวให้ประชาชนในฐานะเจ้าหนี้ ไม่ได้รับการชำระหนี้ตามคำสั่งศาล และเมื่อปรากฏพฤติการณ์ที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นในฐานะลูกหนี้และผู้บริหารแผนได้กระทำผิดกฎหมายโดยทุจริต ทั้งมีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่มีช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการได้อีกต่อไป ประชาชนผู้เสียหายที่เป็นโจกท์ทั้ง 275 คน จึงขอให้ศาลล้มละลายกลางโปรดมีคำพิพากษาให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พ้นจากการฟื้นฟูกิจการ และขอให้ล้มละลายด้วย
หากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย จะมีผลทำให้ประชาชนผู้เสียหายฯ มีสิทธิขอแบ่งทรัพย์สินโดยตรงจากกองทรัพย์สินคดีฟอกเงินที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองทรัพย์สินของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นด้วย โดยประชาชนไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายทนายและค่ารักษากิจการประมาณปีละ100ล้านบาท และไม่ต้องรอทยอยรับเงินนานถึง26ปี ตามแผนฟื้นฟูกิจการ
โดยศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 30 ตุลาคม เวลา 09.00 น.
